น้องฟิล์ม นักเรียนหญิงชั้น ม.6 ยูทูบเบอร์จากช่องดัง วิ่งหนีครูฝ่ายปกครองเข้าป่าหลังโรงเรียน ก่อนถูกพบเสียชีวิตปริศนา พ่อคาใจทำไมคนรู้เห็นปิดปากเงียบหมด
วันที่ 3 กันยายน 2565 ข่าวช่อง 3 รายงานเรื่องราวการเสียชีวิตของ น้องฟิล์ม นักเรียนหญิงอายุ 17 ปี ศึกษาอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนมัธยมดังใน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเสียชีวิตอย่างปริศนาอยู่ในบริเวณป่าหลังโรงเรียน โดยหลังเกิดเหตุทางตำรวจ สภ.สตึก ได้เชิญครูฝ่ายปกครองโรงเรียนไปให้ถ้อยคำเกี่ยวกับคดีดังกล่าวแล้ว
สอบถาม เพื่อนนักเรียนหญิงของน้องฟิล์ม เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับเพื่อนรวม 3 คน ไม่ได้เข้าคาบเรียนสุดท้ายซึ่งเป็นคาบกิจกรรมการสวดมนต์ จึงได้ลงมานั่งเล่นอยู่ชั้นล่างของอาคารและไปซื้ออาหารมากินร่วมกัน ต่อมาครูฝ่ายปกครองได้เดินมาไล่ จึงวิ่งหนีครู ส่วนครูก็วิ่งตาม จากนั้นได้วิ่งไปด้านหลังโรงเรียนซึ่งเป็นป่า โดยไม่รู้ว่าใครวิ่งไปไหนบ้าง ตอนกลับออกมาไม่เห็นเพื่อน จึงคิดว่าน่าจะกลับไปขึ้นรถรับ-ส่งโรงเรียนแล้ว จนกระทั่งตอนค่ำถึงทราบข่าวว่าเพื่อนเสียชีวิตในป่า
สอบถาม เพื่อนนักเรียนหญิงของน้องฟิล์ม เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับเพื่อนรวม 3 คน ไม่ได้เข้าคาบเรียนสุดท้ายซึ่งเป็นคาบกิจกรรมการสวดมนต์ จึงได้ลงมานั่งเล่นอยู่ชั้นล่างของอาคารและไปซื้ออาหารมากินร่วมกัน ต่อมาครูฝ่ายปกครองได้เดินมาไล่ จึงวิ่งหนีครู ส่วนครูก็วิ่งตาม จากนั้นได้วิ่งไปด้านหลังโรงเรียนซึ่งเป็นป่า โดยไม่รู้ว่าใครวิ่งไปไหนบ้าง ตอนกลับออกมาไม่เห็นเพื่อน จึงคิดว่าน่าจะกลับไปขึ้นรถรับ-ส่งโรงเรียนแล้ว จนกระทั่งตอนค่ำถึงทราบข่าวว่าเพื่อนเสียชีวิตในป่า
ด้าน นายนิรุส อายุ 40 ปี พ่อของน้องฟิล์ม บอกว่า การเสียชีวิตของลูกสาวเป็นปริศนามาก เพราะยังไม่มีครูคนใดออกมาชี้แจง หรือมาให้ข้อมูลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังเกิดเรื่องยังไม่มีครูคนใดมาที่บ้าน มีเพียงการโทรศัพท์มาแจ้งว่าจะรับผิดชอบ ที่แปลกไปกว่านั้น คือตนเพิ่งมารู้ข่าวการเสียชีวิตจากการแจ้งของหมอ ทั้งที่ครูควรจะรีบแจ้งตนเองตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ
ภาพจาก พลายสังข์ ข้าบดินทร์
จากการตรวจสอบพบว่า น้องฟิล์ม เป็นที่รู้จักของหลายคน ๆ ในโลกโซเชียล จากบทบาทการเป็นยูทูบเบอร์ที่น้องทำร่วมกับครอบครัว โดยเป็นคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับการดูแลช้างและการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างคนกับช้าง ซึ่งมียอดติดตามถึง 7.4 แสนคนในยูทูบ FAMILY SRITHAPTHAI และกว่า 6 แสนคน จากช่องTikTok@srithapthaifamily
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3, เดลินิวส์ออนไลน์
