x close

ประวัติ วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ เด็กขายไอติมสู่คนขายรถเบนซ์เยอะสุดในโลก ฝ่าหนี้ 4,000 ล้าน

          ประวัติ วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ ตำนานแห่งวงการรถเบนซ์ประเทศไทย จากเด็กขายว่าว-ขายไอศกรีม ชีวิตสุดพลิกผันนำพาสู่วงการขายรถหรู ฝ่าวิกฤตต้มยำกุ้งปลดหนี้ 4,000 ล้าน ขึ้นแท่นดีลเลอร์ขายเบนซ์ได้เยอะที่สุดในโลก


          นับเป็นข่าวเศร้าอย่างมาก เมื่อมีรายงานว่า นายวสันต์ เบนซ์ทองหล่อ ผู้ก่อตั้งโชว์รูมรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทองหล่อ ดีลเลอร์รายใหญ่ของค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เสียชีวิตด้วยวัย 76 ปี เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 เวลา 15.20 น. หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยมะเร็งตับ ถือเป็นการสูญเสียนักธุรกิจชื่อดังที่มีกลยุทธ์การขายขั้นเทพ และยังถูกบันทึกเป็นดีลเลอร์ที่ขายรถเบนซ์ได้มากที่สุดของโลกอีกด้วย ที่สำคัญคือ มีหัวใจเป็นนักสู้ แม้จะต้องล้มลุกคลุกคลาน แต่ก็ฝ่าวิกฤตต้มยำกุ้งมาได้จนประสบความสำเร็จอย่างมาก

          กระปุกดอทคอม จะพาไปทำความรู้จักประวัติ วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ เขาเป็นใคร ชีวิตนี้ผ่านอะไรมาบ้างจนได้เข้าสู่วงการจำหน่ายรถหรู รวมถึงมีแนวคิดอย่างไรที่ทำให้ขายของแพงหูฉี่ได้อย่างกับแจกฟรี ตามไปดูกันเลย...

วสันต์ เบนซ์ทองหล่อภาพจาก Ch3Thailand


ประวัติ วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ


          นายวสันต์ เบนซ์ทองหล่อ มีนามสกุลเดิมคือ โพธิพิมพานนท์ เป็นชาว จ.กาญจนบุรี บิดาและมารดามีอาชีพค้าขาย เป็นลูกคนที่ 6 จากพี่น้องทั้งหมด 8 คน วัยเด็กของเขาลำบากมาก พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูลูกมากถึง 8 คน ทำให้เขาเริ่มหาเงินใช้เองตั้งแต่ยังเด็ก ตั้งแต่การคุ้ยขยะหาเงินเศษเหรียญเพราะอยากมีเงินฝากธนาคารออมสิน ต่อมาทำว่าวขายไปจนถึงขายไอศกรีม

          ด้านการศึกษา เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอำนวยศิลป์ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ช่วงเรียนมัธยมศึกษา เขาได้เงินใช้เดือนละ 150 บาท ต้องพยายามประหยัดและใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุด

          ต่อมาเขาตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐบาล เพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว แต่สอบไม่ติด จึงไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน แต่ไม่ผ่านการสอบสัมภาษณ์ เขาตัดสินใจขอเข้าพบท่านอธิการบดี เพื่อขอโอกาสในการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี สาขาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และเขาสามารถชนะใจได้ด้วยคำพูดที่ว่า "เพราะไม่ดีเลยอยากมาเรียน เพราะไม่รู้ จึงอยากเรียนให้ฉลาดบ้าง"

          กระทั่งมีโอกาสได้ไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ ประเทศสหรัฐอเมริกา วสันต์ขอเข้าพบคณบดีและแสดงความตั้งใจจริงที่อยากเรียน ทำให้ได้รับความช่วยเหลือและได้ศึกษาจนจบปริญญาโท

         วสันต์ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญมากมาย อาทิ

         กรรมการสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

         ที่ปรึกษาสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

         ที่ปรึกษาสมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร

         กรรมการศิษย์เก่าอำนวยศิลป์

         ในปี 2540 ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติผู้บำเพ็ญประโยชน์ดีเด่น จากกรุงเทพมหานคร

วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Benz Thonglor ตลาดนัดคนเคยรวย ปี 2540

จุดเริ่มต้นชีวิตด้านการงาน ประตูสู่นักขาย


          ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 3 วสันต์หางานทำเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว เขาได้งานตั้งแต่ยังเรียนอยู่ เริ่มงานด้วยการเป็นเซลส์ขายที่ดินของบริษัทจัดสรรที่ดินแห่งหนึ่งย่านโชคชัย 4 นักศึกษาฝึกงานเงินเดือน 500 บาท กระทั่งผ่านการทดลองงานก็ได้ทำงานต่อเป็นพนักงาน เงินเดือน 1,000 บาท ทั้งที่ตอนนั้นยังเรียนปริญญาตรี ไม่จบ เขาได้ก้าวเข้าสู่ประตูของการเป็นนักขายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

          ต่อมาเริ่มมีปัญหาต่าง ๆ กับที่ทำงาน ทำให้เบื่อมากและตัดสินใจลาออกจากงาน ซึ่งตอนนั้นยังเรียนไม่จบปริญญาตรี มีพี่สาวซึ่งเป็นลูกของป้า ชักชวนไปทำงานขายพื้นที่ป้ายโฆษณาบนป้ายรถเมล์ กว่าจะขายได้แต่ละชิ้นยากลำบากมาก ต้องไปง้อให้เขาซื้อสุด ๆ ซึ่งวสันต์ไม่ชอบความรู้สึกแบบนั้น เหมือนตัวเองเป็นคนไร้ค่า ไม่อยากต้องไปตื้อใครขนาดนั้น จึงตัดสินใจลาออกแล้วไปบวชเป็นพระ

          ระหว่างที่บวชเป็นพระ มีเพื่อนเขียนจดหมายมาหาจากสหรัฐอเมริกา เพื่อนชวนให้ไปอยู่ด้วย บอกว่าจะหาที่พัก ที่เรียน และหางานให้ทำ จึงตัดสินใจสึกจากผ้าเหลืองบินลัดฟ้าไปอเมริกา ไปอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน เงินที่เตรียมไปเริ่มหมด วสันต์จึงไปทำงานเป็นกรรมกรแท่นขุดเจาะน้ำมัน และต่อมาย้ายไปเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ

วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Benz Thonglor ตลาดนัดคนเคยรวย ปี 2540

บินลัดฟ้ากลับไทย เข้าสู่วงการขายรถยนต์


          พี่ชายของวสันต์ติดต่อมาหาให้กลับไปช่วยงาน เนื่องจากพี่ชายลงทุนขายรถเก่าที่บ้านเกิด จ.กาญจนบุรี ขายได้แต่กลับมีหนี้สิน เนื่องจากบริหารไม่ดี วสันต์จึงจัดสินใจกลับไปช่วยพี่ชายทั้งการคำนวณเงินผ่อน คำนวณรายได้ต่าง ๆ ทำงานเกี่ยวบัญชีและอื่น ๆ นานวันเข้าเริ่มไม่มีรถมือสองมาให้ขาย เขาจึงเริ่มเห็นช่องทางธุรกิจ คือ เปลี่ยนเป็นขายรถยนต์ใหม่แทน

          วสันต์ไม่มีโชว์รูมรถ เขามีพื้นที่เล็ก ๆ แค่เพิงหมาแหงนเท่านั้น เขาเริ่มต้นด้วยการผู้แทนจำหน่ายรถกระบะและรถบรรทุก แม้จะไม่มีโชว์รูมใหญ่โต แต่สามารถทำยอดขายได้เดือนละ 20 คัน

วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Benz Thonglor ตลาดนัดคนเคยรวย ปี 2540

จุดเริ่มต้นขายรถเบนซ์


          เพื่อนนำรถเบนซ์มาขายต่อให้กับวสันต์ เขาคิดว่าจะเอามาลองขับสักหน่อยแล้วจะเอาไปขายต่อมือสองเหมือนเดิม แต่พอได้ทดลองขับแล้วรู้สึกชื่นชอบเพราะแตกต่างจากรถคันอื่น ๆ นำไปสู่การติดต่อเป็นดีลเลอร์ขายรถเบนซ์

          ตอนนั้นเขาไม่มีโชว์รูมรถหรู ไม่มีเงินซื้อรถมาวางขาย แต่ยึดเทคนิค "ขายให้ได้ก่อนแล้วค่อยซื้อ" หลังจากติดต่อเป็นดีลเลอร์ เขาได้แค็ตตาล็อกเบนซ์มาเสนอขายลูกค้าแบบปากเปล่า เมื่อลูกค้าตกลงซื้อ ก็ค่อยไปหาเงินซื้อรถมาขายให้ลูกค้า ทำอย่างนี้เรื่อย ๆ อยู่ประมาณ 3 ปี กระทั่งมีโชว์รูมรถเป็นของตัวเอง โดยเบนซ์ทองหล่อ มีชื่อเสียงมายาวนานตั้งแต่ปี 2521 กระถึงปัจจุบันส่งต่อให้กับทายาทคนสวย คุณพลอยกาญจน์ โพธิพิมพานนท์


กลยุทธ์การขายและการฝ่าวิกฤตต้มยำกุ้ง

          แรก ๆ เขาเป้าหมายสำคัญด้านการขาย คือ ขายรถให้ได้ต่อให้ขาดทุนแต่ขายได้ก็ขาย เพื่อให้บริษัทเห็นว่าสามารถขายได้ โดยจะเน้นเฉพาะผู้ที่สนใจรถเบนซ์เท่านั้น หาวิธีดึงดูดลูกค้าผ่านโปรโมชั่น และบริการหลังการขายที่จริงใจ ซื่อสัตย์

          คุณวสันต์ มีสโลแกนเด็ดที่โด่งดังกลายเป็นภาพจำคือ "นึกถึง Mercedes Benz คิดถึงเบนซ์ทองหล่อ ผมอยู่ทุกวันแหละครับ" รวมถึงแคมเปญ "เอาอะไรมาแลกก็ยอม" ไม่ว่าจะเป็นเพชร พระเครื่อง ที่ดิน ซึ่งไม่มีใครเคยทำมาก่อน เขาพยายามลงโฆษณาว่าตัวเองอยู่ที่โชว์รูมทุกวัน มาเมื่อไรก็เจอ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีเถ้าแก่ที่ไหนอยู่ตลอดแบบนี้
          
          ต่อมาปี 2531 คุณวสันต์ เคยสร้างปรากฏการณ์จัดโปรโมชั่น Mercedes-Benz 190E หั่นราคาต่ำสุด ๆ ค่ารถจาก 1.8 ล้านบาท เหลือเพียง 1.2 ล้านบาท ทำให้ได้รับความสนใจอย่างมาก และมียอดขายมากถึง 7,000 คัน เบนซ์ทองหล่อ มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมตลอด กระทั่งในปี 2538 สามารถทำยอดขายได้ถึง 2,100 คัน คิดเป็นมูลค่า 4,500 ล้านบาท

          กระทั่งในปี 2540 หรือยุควิกฤตต้มยำกุ้ง รถหรูขายไม่ออก หนี้สินเพิ่มพูนอย่างมาก จนมีหนี้คงค้างมากถึง 4,000 ล้านบาท คนรวยต่างสิ้นเนื้อประดาตัว แต่คุณวสันต์ไม่ยอมแพ้ พยายามทำทุกวิถีทาง รวมถึงแบ่งพื้นที่ในโชว์รูมเพื่อขายส้มตำ พยายามปรับโชว์รูมให้เช่าพื้นที่ขายของ และเปิดให้เช่าทำบริษัทรับจัดงานแต่งงานอีกด้วย

          เบนซ์ทองหล่อ ยอมหั่นราคา Mercedes-Benz C180 รุ่นประกอบในประเทศ เหลือคันละ 1.2 ล้านบาท ผ่อนเดือนละ 9,500 บาท โดยใช้เงินทุนส่วนตัวรับแบกภาระดอกเบี้ยส่วนที่เกิน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระลูกค้าในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ

          สร้างความฮือฮาอย่างมากด้วย "ตลาดนัดคนเคยรวย" คุณวสันต์เปิดตลาดนี้ด้วยไอเดียที่ให้คนเคยรวยเอาของตัวเองมาขาย ซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนรถยนต์ระดับหรูทั้งเก่าและใหม่ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเพชร และทรัพย์สินต่าง ๆ ทุกประเภท โดยจัดตลาดนัดที่โชว์รูมของตัวเอง ปรากฏว่าประสบความสำเร็จเกินคาด มีลูกค้าเบนซ์เดิมและลูกค้าใหม่สนใจเข้ามาเลือกซื้อ ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบของการเปิดท้ายของของถูกอีกด้วย  

เบนซ์ทองหล่อ จากรุ่นสู่รุ่น


          ธุรกิจดำเนินมายาวนานต่อเนื่อง กระทั่งทุกอย่างฟื้นตัวและสามารถปลดหนี้สินได้ในระยะเวลา 15 ปี โดยปัจจุบันเบนซ์ทองหล่อมีโชว์รูม 2 แห่ง คือ สาขาทองหล่อ และ สาขารามอินทรา คุณวสันต์ส่งต่อกิจการไปยังทายาทรุ่นที่ 2 คือ คุณพลอย พลอยกาญจน์ โพธิพิมพานนท์ ตั้งแต่ปี 2559 ส่วนตนเองอยู่ในฐานะที่ปรึกษา

          กระทั่งวันที่ 7 กันยายน 2565 คุณวสันต์ เสียชีวิตในวัย 76 ปี หลังจากรักษาโรคมะเร็งตับมานาน 1 ปี อย่างไรก็ตาม คุณวสันต์ จะเป็นตำนานและต้นแบบนักขายของการทำธุรกิจต่อไป

          โดยพิธีรดน้ำศพจะเริ่มในวันที่ 8 กันยายน เวลา 16.00 น. ณ ศาลา 4 วัดธาตุทอง เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โดยมีกำหนดการสวดพระอภิธรรม วันที่ 8-14 กันยายน เวลา 18.30 น. และพิธีฌาปนกิจในวันที่ 15 กันยายน 2565


ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ, Ch3Thailand, เรื่องเล่าเช้านี้, prop2morrow Channel

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประวัติ วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ เด็กขายไอติมสู่คนขายรถเบนซ์เยอะสุดในโลก ฝ่าหนี้ 4,000 ล้าน อัปเดตล่าสุด 8 กันยายน 2565 เวลา 17:57:41 25,705 อ่าน
TOP