คนไทยรีวิวชีวิตที่เมลเบิร์น หลังเจอดราม่าดีเจภูมิกับส้มตำ 600 โชคดีที่เกิดเป็นคนไทย แม้ส้มตำแพงกว่า แต่คุณภาพชีวิตดีกว่าทุกอย่าง สวัสดิการเพียบ น้ำประปาดื่มได้ไม่ต้องซื้อน้ำขวด มีเงินอุดหนุน รัฐสวัสดิการเริด ตัดสินเองคุ้มไหม แลกกับการทานส้มตำจานละ 600
จากกรณีที่ดีเจภูมิ ภูมิใจ ออกมาโพสต์ว่า ส้มตำที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ราคา 600 บาท โชคดีที่เกิดมาเป็นคนไทย ทำให้ทัวร์ลงสนั่น มองว่าค่าครองชีพไทยกับออสเตรเลียไม่เหมือนกัน รวมถึงค่าแรงขั้นต่ำต่อวันที่เขาได้รับก็มากกว่าเราด้วย ก่อนที่เจ้าตัวจะมาโพสต์ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด เพราะพิมพ์ข้อความไม่ครบ
อ่านข่าว : ดีเจภูมิ โพสต์รับผิดดราม่าส้มตำ 600 บาท ผิดเองที่เขียนไม่คลุม-ประโยคเต็มคือ...
ล่าสุด วันที่ 11 กันยายน 2565 คนไทยในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียหลายคน ต่างออกมารีวิวชีวิตที่อยู่ที่นี่ เพื่อตอบโต้กับดราม่าส้มตำราคา 600 บาท โดยนักเรียนไทยในออสเตรเลียรายหนึ่ง ระบุว่า
เมลเบิร์นส้มตำจานละ 600 บาท แต่สวัสดิการอื่น ๆ ที่ได้รับนั้นกลับฟรีหมด ทั้งรถรางสาธารณะรอบเมือง, น้ำดื่มสะอาดจากก๊อกน้ำที่บ้าน, ทางม้าลายและสัญญาณไฟคนข้ามถนนทุกแยก, เงินออม 10% จากรายได้ โดยไม่ได้หักจากค่าแรง และเงินช่วยเหลือจากรัฐ 18,000 บาท กรณีต้องกักตัว 7 วัน
แม้ตนจะเป็นนักเรียน ทำงานพาร์ตไทม์หลังเลิกเรียนเล็กน้อย แต่รายได้เกือบ 1 แสนบาท คุณภาพชีวิตก็ดี ความปลอดภัยในชีวิตอย่าไปวัดกันเลย
แต่ถึงกระนั้น นักเรียนคนดังกล่าวก็ย้ำว่า รักประเทศไทย เพราะประเทศไทยสนุกกว่า อาหารอร่อยกว่า ไม่ได้อยากเชิญชวนใครย้ายประเทศ แต่อยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงเรื่องคุณภาพชีวิตพื้นฐานและความปลอดภัย
อีกคนเผย ใช้ชีวิตคุ้มมาก หาเงินได้วันละ 5,000 หักค่าใช้จ่ายทุกอย่างยังเหลือเก็บ
ส่วนผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกรายซึ่งเป็นนักเรียนไทยในออสเตรเลียเหมือนกัน เล่าถึงค่าครองชีพในเมลเบิร์น ราคาสินค้าต่าง ๆ เป็นดังนี้ ก๋วยเตี๋ยวถ้วยละ 400 บาท, ชานมไข่มุก แก้วละ 220 บาท, บุฟเฟต์หมูกระทะ หัวละ 1,200 บาท แต่ว่าเราหาเงินได้วันละ 5,000 บาท ต่อให้กินทั้งหมดนี้ในวันเดียว และหักภาษี 30% ก็ยังพอเหลือเก็บ
นอกจากนี้ ในเมลเบิร์นยังมีเลนจักรยานให้เราปั่นเล่น มีทะเลสวย ๆ รอบเมือง อยากไปตอนไหนก็ไปมีสวนสาธารณะสวย ๆ ให้ไปนอนเล่น มีมุมชิค ๆ สำหรับถ่ายรูป ฯลฯ ถึงแม้เราจะเป็นนักเรียน แต่ก็ใช้ชีวิตที่นี่อย่างคุ้มและมีความสุขมาก ตามสโลแกน Work Hard Play Hard และได้ใช้ชีวิตแบบ Work Life balance มาก ๆ
ส่วนคอมเมนต์ชาวเน็ต พิมพ์กลับสั้น ๆ ว่า ตัดมาที่กรุงเทพฯ คือ น้ำท่วมอยู่ในขณะนี้
เทียบไข่ต่อไข่ คุ้มไหมกับการไปอยู่เมืองที่ค่าครองชีพแพง ส้มตำจานละ 600
ทั้งนี้ ถ้าเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำของไทย ที่ตกวันละ 350 บาท แต่ค่าแรงขั้นต่ำที่ออสเตรเลีย จะตกประมาณวันละ 4,200 บาท ในขณะที่ไข่ไก่เบอร์ 0 ของไทย ตกที่แผงละ 59 บาท แต่ไข่ไก่เบอร์ 0 ที่ออสเตรเลีย ตกที่แผงละ 120 บาท ดังนั้น ทำงานที่ไทย 1 วัน จะซื้อไข่ไก่ได้ประมาณ 6 แผง แต่ทำงานที่ออสเตรเลีย 1 วัน จะซื้อไข่ไก่ได้ 35 แผง
หรือมะเขือเทศที่ออสเตรเลีย 1 กก. ประมาณ 300 บาท แต่ในไทยมะเขือเทศกิโลกรัมละประมาณ 75 บาท ดังนั้น ทำงานที่ออสเตรเลีย 1 วัน จะซื้อมะเขือไทศได้ประมาณ 14 กิโลกรัม แต่ทำงานที่ไทย 1 วัน จะซื้อมะเขือเทศได้ 4.6 กิโลกรัม