x close

SCB ชี้แจงกรณีลูกค้าถูกมิจฉาชีพ อ้างเป็นสรรพากรลวงขอข้อมูล ชี้เป็นภัย Phishing


            SCB ชี้แจงลูกค้าถูกมิจฉาชีพ อ้างเป็นสรรพากร ส่งลิงก์ให้ตรวจยอดค้างภาษี โดนดูดเงินหาย 1.5 ล้านบาท  ยันไม่เกี่ยวข้องกับทางธนาคาร แนะ 6 วิธีสังเกต - ป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ Phishing

หลอกเป็นสรรพากร

            จากกรณีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 มีผู้ร้องเรียนว่าถูกมิจฉาชีพโทร. เข้ามาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรแจ้งเรื่องค้างภาษี โดยมีการแจ้งชื่อ - นามสกุลจริง ของเหยื่ออย่างถูกต้อง ก่อนมิจฉาชีพจะส่งลิงก์เข้ามาทางไลน์ให้กดเข้าไป พบว่าเป็นรูปและหน้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากร แจ้งให้กรอกชื่อและเบอร์โทรศัพท์ แต่จากนั้นเพียงไม่กี่วินาที โทรศัพท์ก็ค้าง ขึ้นหน้าจอเป็นสีฟ้ามีโลโก้กรมสรรพากร พร้อมข้อความว่า "668325 อยู่ระหว่างการทำการตรวจสอบชื่อนาม-สกุล ห้ามใช้งานโทรศัพท์" และโทรศัพท์ก็ใช้งานไม่ได้อีก เห็นแค่ข้อความว่า เงินถูกโอนออกจากบัญชี 2 ธนาคาร จำนวน 1,458,000 บาท และ 10,000 บาท สำหรับเงินที่โดนดูดไปนั้น ทั้ง 2 บัญชี ล้วนใช้แอปพลิเคชันของธนาคารกับโทรศัพท์

            ทั้งนี้ ผู้เสียหายรู้สึกข้องใจว่า ข้อมูลส่วนตัวรั่วไหลมาจากช่องทางไหน จากกรมสรรพากร หรือแอปฯ ธนาคารที่ใช้อยู่หรือไม่ และอยากรู้ว่าเงินที่ฝากไว้กับธนาคารมีความปลอดภัยแค่ไหน รู้สึกไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัย

หลอกเป็นสรรพากร

            ล่าสุด (21 กันยายน 2565) ทางธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวยืนยันว่า ธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจ และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ พร้อมกับเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า การถอนเงินจากบัญชีมิได้เกิดขึ้น จากความผิดปกติของระบบธนาคาร แต่เป็นลักษณะของการทุจริตในรูปแบบ Phishing และอยู่นอกเหนือจากความรับผิดชอบของธนาคาร

            ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารฯ ได้สื่อสารข้อความการเตือนภัยแก่ลูกค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคารฯ เช่น เว็บไซต์, เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์, ไลน์ และ Tiktok : SCB Thailand รวมถึงผ่านสื่อ ATM และสาขาของธนาคารอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งธนาคารฯ ไม่มีนโยบายในการส่งข้อความผ่านทาง SMS, อีเมล, LINE หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อขอข้อมูลส่วนตัวหรือรหัสของลูกค้าต่าง ๆ


            นอกจากนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ ยังได้แนะนำวิธีการสังเกต และการป้องกันเบื้องต้นในการใช้โทรศัพท์เพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน ดังนี้

วิธีการสังเกต


            1. พฤติกรรมของผู้ทุจริต จะทำการติดต่อสอบถามลูกค้าโดยมีข้อมูลเบื้องต้นของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าหลงเชื่อว่ามีการติดต่อมาจากองค์กรที่แอบอ้างจริง โดยจะแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ของลูกค้าได้ เช่น ชื่อ - นามสกุล ชื่อร้านค้าที่ลูกค้าร่วมนโยบายกับรัฐ เลขภาษี ฯลฯ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ

            2. ผู้ทุจริตจะหว่านล้อมโดยการขอเพิ่มเพื่อนในไลน์ เพื่อทำการพิมพ์พูดคุยหลอกลวง และทำการส่งลิงก์ข้อความให้เข้าหน้าเว็บไซต์ โดยจะหลอกให้หลงเชื่อแล้วกดลิงก์ที่อยู่เว็บไซต์ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ปลอม (Phishing) เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรมการควบคุมระยะไกล หลังจากที่ลูกค้าได้ทำการติดตั้งโปรแกรมควบคุมระยะไกลแล้ว ผู้ทุจริตจะทำการส่ง Code PIN เพื่อให้ลูกค้าแจ้งเลข เพื่อใช้ Code ดังกล่าวในการเข้าควบคุมเครื่อง ซึ่งหากลูกค้าไม่ได้ทำการแชร์หน้าจอบนไลน์ ก็อาจจะหลอกถามชุดตัวเลขเพื่อนำไปใช้เพื่อการควบคุมต่อไป

            3. ผู้ทุจริตอาจจะขอแชร์หน้าจอโทรศัพท์ เพื่อแชร์หน้าจอจากวิดีโอคอล (Streaming) โดยจะเห็นหน้าจอและขโมย PIN ลูกค้าในการเข้าแอปพลิเคชันธนาคาร และจะหลอกให้ลูกค้าเปิดแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ทุจริตจะสามารถเห็นได้ว่าลูกค้าเข้าแอปพลิเคชันแล้ว โดยจะหลอกให้ลูกค้าเข้าไปยังหน้าที่ต้องมีการกด PIN 6 หลัก เพื่อให้ผู้ทุจริตสามารถควบคุมเข้าใช้งานแอปพลิเคชันแทนลูกค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องระบุ PIN เอง

วิธีป้องกันตัวเองเบื้องต้น


            1. โดยปกติหน่วยงานรัฐและเอกชนจะไม่ทำการติดต่อลูกค้าโดยตรงผ่านการส่งข้อความหรือเพิ่มเพื่อนในไลน์เพื่อส่งลิงก์เว็บไซต์ให้กับลูกค้า ทั้งนี้ หากลูกค้าได้รับการติดต่อและเกิดความไม่แน่ใจ ควรระงับการติดต่อจากช่องทางดังกล่าว และติดต่อกลับไปยังเบอร์กลางของหน่วยงานโดยตรงเพื่อทำการสอบถามข้อเท็จจริง

            2. ไม่ควรทำการแชร์หน้าจอจากวิดีโอคอล (Streaming) ของตัวเอง และหลังจาก Streaming ไม่ควรเปิดแอปพลิเคชันของธนาคารให้ฝั่งตรงข้ามเห็น หรือหากไม่ทราบเรื่องการ Streaming ไม่ควรเปิดแอปพลิเคชันของธนาคารในระหว่างพูดคุย หากมีการติดต่อจากบุคคลที่เราไม่รู้จัก ไม่ควรให้มีการแชร์หน้าจอโทรศัพท์ และรวมไปถึงการเปิดแอปพลิเคชันของธนาคารในระหว่างการพูดคุยเช่นกัน

            3. หากพบว่าหลงเชื่อจนเป็นเหตุให้ถูกควบคุมเครื่อง เช่น มีรหัสขึ้น และ/หรือ มีข้อความว่ากำลังตรวจสอบและห้ามใช้โทรศัพท์ หรือ หน้าจอค้าง หรือ หน้าจอเป็นภาพดำ ควบคุมเครื่องไม่ได้ ให้ปิดเครื่องโทรศัพท์ในทันที เพื่อทำการตัดการเชื่อมต่อเครื่องกับผู้ทุจริต และติดต่อทางธนาคารเพื่อให้ทำการระงับการใช้แอปพลิเคชันของธนาคารนั้นๆ โดยทันที

ธนาคารไทยพาณิชย์




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
SCB ชี้แจงกรณีลูกค้าถูกมิจฉาชีพ อ้างเป็นสรรพากรลวงขอข้อมูล ชี้เป็นภัย Phishing อัปเดตล่าสุด 21 กันยายน 2565 เวลา 17:08:42 31,428 อ่าน
TOP