เดวิด เบ็คแฮม อดีตนักบอลในตำนาน ยืนต่อแถวนาน 13 ชั่วโมง รอเข้าคิวเคารพพระบรมศพ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมปฏิเสธรับอภิสิทธิ์ให้ลัดแถว
LOUISA GOULIAMAKI / AFP
วันที่ 16 กันยายน 2565 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานเรื่องราวของ เดวิด เบ็คแฮม ตำนานนักฟุตบอลของอังกฤษ
ซึ่งถูกพบว่าเขานั้นต่อแถวท่ามกลางบุคคลทั่วไป นานถึง 13 ชั่วโมง
เพื่อรอคิวเข้าถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2
ที่เวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
โดยพบว่าเซเลบวงการกีฬารายนี้
ปฏิเสธรับอภิสิทธิ์จากสมาชิกรัฐสภาที่อนุญาตให้เขาได้เลื่อนคิวอีกด้วย
เบ็คแฮม วัย 47 ปี เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงเบอร์ต้น ๆ ของเกาะอังกฤษ จากความโด่งดังครั้งสมัยเล่นฟุตบอลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เรอัล มาดริด ส่งผลให้เจ้าตัวได้รับโอกาสลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ 115 นัด และได้สวมปลอกแขนกัปตันถึง 59 นัด แม้ปัจจุบันจะเลิกเล่นฟุตบอลไปแล้ว แต่เบ็คแฮมก็ยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง กับการเป็นพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ดัง บทบาทด้านงานด้านธุรกิจ รวมทั้งชีวิตส่วนตัวที่ถือเป็นครอบครัวเซเลบทั้งในวงการฮอลลีวูดหรือในอังกฤษเองก็ตาม
ล่าสุด เบ็คแฮม เดินทางออกมาต่อแถวรอคิวเข้าถวายสักการะพระบรมศพฯ
ตั้งแต่ช่วง 02.00 น.
ท่ามกลางผู้คนทั่วไปที่แทบไม่ได้มีใครสังเกตเห็นอยู่นานหลายชั่วโมง
ซึ่งระหว่างการอดทนรอ เบ็คแฮม ต้องเอาตัวรอดด้วยการกินของว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ
อย่าง กาแฟ มันฝรั่งทอดพริงเกิลส์ ลูกอมเชอร์เบตเลมอน กาแฟ และโดนัท
แม้ปกติแล้วอาหารเหล่านี้ไม่ค่อยจะเหมาะกับคนที่รักสุขภาพเท่าไหร่นักก็ตาม
ก่อนที่หลายคนจะเริ่มสังเกตและแชร์ภาพของเบ็คแฮมที่ยืนต่อแถวไปจนเป็นไวรัลในช่วงหลังเที่ยงวัน
LOUISA GOULIAMAKI / AFP
ต่อมา เบ็คแฮม ได้รับการติดต่อจากสมาชิกสภารายหนึ่ง
ซึ่งได้รับโควตาให้สามารถพาเขาเป็นหนึ่งใน 4 ผู้ที่เกี่ยวข้อง
ให้ลัดคิวเข้าถวายสักการะพระบรมศพได้ แต่ เบ็คแฮม
ปฏิเสธที่จะรับอภิสิทธิ์ดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าหากเขาทำแช่นนั้น
คุณปู่ของเขาซึ่งเป็นนักฟุตบอล เจ้าของฉายา "ฮีโร่ในชีวิตจริง"
และยังเป็นรอยัลลิสต์อย่างเข้มข้น คงจะต้องผิดหวังในตัวเขาอย่างแน่แท้หลังจากความมุ่งมั่นรอ 13 ชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงคิวที่ เบ็คแฮม อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเคยได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น OBE จากสมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในปี 2546 ได้เข้าเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์เพื่อถวายสักการะพระบรมศพฯ สังเกตได้ว่าช่วงหนึ่ง เขานั้นไม่สามารถปิดบังความเศร้าเสียใจไว้ได้ โดยค่อย ๆ ปาดน้ำตาที่ไหลลงมา ก่อนจะโค้งคำนับพระราชินีเป็นครั้งสุดท้าย เป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่เขาได้ยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเดินออกจากห้องโถงไป
ดังนั้น เมื่อมาถึงวันนี้มันจึงเป็นวันที่ยากลำบากเสมอ มันยากสำหรับประเทศชาติและสำหรับคนทั่วโลก เพราะผมคิดว่าทุกคนคงรู้สึกเหมือนกันและต้องการแสดงความห่วงใยถึงราชวงศ์ ซึ่งมันเห็นได้ชัดจากการที่ทุกคนมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ การได้อยู่ที่ตรงนี้ ได้ร่วมเฉลิมฉลอง และได้ยินเรื่องราวที่แตกต่างมากมายจากผู้คน เป็นเรื่องที่พิเศษ ผมคิดว่าการมาตั้งแต่ช่วงตี 2 คงน่าจะเงียบขึ้นบ้างเล็กน้อย ซึ่งผมนั้นคิดผิด
LOUISA GOULIAMAKI / AFP
ขอบคุณข้อมูลจาก Dailymail