ประวิตร ห่วงค่าเงินบาทอ่อนเกิดซ้ำรอยต้มยำกุ้ง ชี้ ค่าเงินควรอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ พร้อมให้คลังหารือแบงก์ชาติหาวิธีแก้ปัญหา กูรูการเงินเตือน อย่าคิดตรึงราคา มิเช่นนั้นต้มยำกุ้ง ภาค 2 มาแน่
วันที่ 21 กันยายน 2565 สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ (20 กันยายน) ว่า ตอนนี้ให้กระทรวงการคลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาเงินบาทอ่อนตัว ซึ่งกระทรวงการคลังจะไปหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางการเงิน
ตนมองว่า เราจะปล่อยให้ลอยตัวแบบนี้ไม่ได้ เรื่องการแปรผันเงินต้องพยายามทำให้ดีขึ้น ส่วนค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่เท่าใด ตนไม่ทราบ ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพูดคุยกันก่อน
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พล.อ. ประวิตร มีการพูดถึงค่าเงิน 35 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐในที่ประชุม ครม. หรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ตนบอกว่าควรจะ ก็เงินแปรผัน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประชุมให้แล้วเสร็จ และดูว่าจะดำเนินการอย่างไรไม่ต้องเป็นห่วง
ทั้งนี้ พล.อ. ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถามเรื่อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรายงานกลับมาให้ทราบเมื่อไหร่ แล้วเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที
ยิ่งอ่อนค่านานไม่ดี หวั่นซ้ำรอยต้มยำกุ้ง
ขณะที่ NBT2HD รายงานว่า สาเหตุที่ พล.อ. ประวิตร เป็นห่วงเรื่องนี้ เพราะถ้าหากเงินบาทอ่อนค่ากินเวลานานเกินไป อาจจะซ้ำรอยวิกฤตช่วงต้มยำกุ้ง ปี 2540 ได้ รวมถึงมีผลกระทบต่อการนำเข้า และต้นทุนการผลิตต่าง ๆ ได้ ส่งผลให้ค่าครองชีพประชาชนสูงขึ้น
ส่วนค่าเงินบาทในปัจจุบัน อยู่ประมาณ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ในช่วงต้มยำกุ้ง ค่าเงินบาทถีบลอยตัวไปถึง 54 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
เพจกูรูการเงิน เตือน อย่าหาทำ มิเช่นนั้นซ้ำรอยปี 2540 แน่นอน
ขณะที่เพจกูรูการเงินหลายเพจ ต่างออกมาระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่ พล.อ. ประวิตร จะสั่งคุมค่าเงินบาทอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะถ้าทำแบบนี้ มีโอกาสซ้ำรอยต้มยำกุ้งปี 2540 มากกว่า เพราะในช่วงที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องนำเงินมาชดเชยส่วนต่างตรงนี้ จนกระทั่งอุ้มไม่ไหวและปล่อยเงินบาทลอยตัว จนกระทั่งเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ ฉะนั้น เรื่องค่าเงินควรปล่อยให้ลอยตัวแบบอิสระโดยไม่แทรกแซงจะดีที่สุด
ทั้งนี้ ในเหตุการณ์วิกฤตต้มยำกุ้งนั้น ไทยใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบตะกร้าเงิน ด้วยการผูกค่าเงินบาทกับเงินตราต่างประเทศหลายสกุล แต่ส่วนใหญ่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ ตอนปี พ.ศ. 2539 เงินดอลลาร์แข็งค่า เงินบาทก็แข็งค่า และยังมีวิกฤตเรื่องดุลบัญชีเดินสะพัดที่ติดลบต่อเนื่อง คนไทยกู้เงินจากต่างประเทศมาลงทุนเป็นจำนวนมาก และไม่มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ในช่วงนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เอาเงินสำรองระหว่างประเทศออกมาใช้ เพื่อปกป้องอัตราแลกเปลี่ยน จนกระทั่งไปต่อไม่ไหว เพราะสูญเงินสำรองมหาศาล และเมื่อเงินสำรองลด ความน่าเชื่อถือก็ลดตาม ทำให้ต้องประกาศลอยตัวค่าเงินบาท กระทบกันเป็นลูกโซ่
