สารเคมีรั่วไหลจาก โรงงานอินโดรามา โรงงานพลาสติก ย่านนครชัยศรี จ.นครปฐม ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงรอบพื้นที่ใกล้เคียง หลายโรงเรียนสั่งปิดเรียนชั่วคราว หน่วยงานเร่งตรวจสอบ
วันที่ 22 กันยายน 2565 ThaiPBS รายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้ใช้โลกออนไลน์ได้แชร์คำเตือนเรื่องสารเคมีรั่วไหลในโรงงานแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เบื้องต้นสารเคมีส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ และยังไม่สามารถระบุชื่อสารเคมีได้
เจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 5 กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้นพบกลิ่นสารเคมีที่รั่วไหลมาจากโรงงานอินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรี้ส์ จำกัด (มหาชน) เป็นโรงงานผลิตเส้นใยพลาสติก ขณะนี้กำลังตรวจสอบหาสาเหตุว่าเป็นสารเคมีตัวไหน แต่ยอมรับว่ามีกลิ่นเหม็นรุนแรง
เจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 5 กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้นพบกลิ่นสารเคมีที่รั่วไหลมาจากโรงงานอินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรี้ส์ จำกัด (มหาชน) เป็นโรงงานผลิตเส้นใยพลาสติก ขณะนี้กำลังตรวจสอบหาสาเหตุว่าเป็นสารเคมีตัวไหน แต่ยอมรับว่ามีกลิ่นเหม็นรุนแรง
ต่อมา โรงเรียนสาธิตนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล, โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ มหามงคล, โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม แจ้งหยุดการเรียนการสอน 1 วัน เพราะสารเคมีโรงงานในพื้นที่ ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี รั่วไหล
ขณะที่ ข่าวช่อง 3 รายงานว่า สารเคมีรั่วในโรงงานเกี่ยวกับพลาสติก สารตั้งต้น และสิ่งทอ ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เบื้องต้นปิดรอยรั่วแล้ว แต่ยังส่งกลิ่นกระจายเป็นวงกว้าง
ทวิตเตอร์ @Fire Department รายงานสถานการณ์ว่า รับแจ้งมีสารเคมีรั่วไหล โรงงานอินโดรามา ถนนพุทธมณฑลสาย 7 ทางโรงงานกำลังแก้ไขดำเนินการอยู่ อาการเหม็นเปรี้ยว แสบตา เบื้องต้นสารเคมีรั่วไหล เป็นคอยล์ร้อนรั่ว (ท่อน้ำมันร้อนรั่ว) ทำให้เกิดกลุ่มควันฟุ้งกระจาย และมีกลิ่นเหม็นไหม้จากวัสดุห่อหุ้มท่อ ไม่มีความเสียหายใด ๆ ไม่มีใครได้รับอันตราย ทางโรงงานหยุดเดินเครื่องบริเวณดังกล่าวแล้ว และซ่อมบำรุงท่อน้ำมันร้อน
ทางเพจระบุถึง กลุ่มผู้ปฏิบัติงานนอกอาคาร แนะนำให้สวมหน้ากากคาร์บอนชั่วคราว สถานการณ์สารเคมีน่าจะหมดไปพร้อมลมและฝน สารที่คาดว่ามีในโรงงาน กลุ่มนี้คือคอปเปอร์ซัลเฟต หรือสารประกอบฟอกย้อม Sulfer มีผลทำให้ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก ThaiPBS, ข่าวช่อง 3, ทวิตเตอร์ @Fire Department