นางแบบสาว ถูกฆ่ารัดคอ ฝีมือแฟนคลับ ดับสลดหลังบินลัดฟ้า ล่าฝันต่างแดน

นางแบบชาวมาเลเซีย ถูกรัดคอดับในห้องพักที่ไต้หวัน พอคนทำคือแฟนคลับหนุ่ม ด้านอดีตแฟนไม่เชื่อคำอ้างปมฝ่ายหญิงขอให้ลงมือ

          วันที่ 13 ตุลาคม 2565 เว็บไซต์ ETtoday รายงานคดีการเสียชีวิตของ ไช่ นักศึกษาหญิงชาวมาเลเซีย วัย 24 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นนางแบบและสตรีมเมอร์ หลังพบว่าเธอโดนรัดคอเสียชีวิตภายในห้องพักที่ไต้หวัน ข้อมูลเบื้องต้นผู้ก่อเหตุคือ ชายวัย 30 ปี ผู้เป็นแฟนคลับของหญิงสาวรายนี้

          เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากแม่ของ เฉิน ชายวัย 30 ปี แจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยลูกชายที่ขังตัวเองอยู่ในห้อง โดยเชื่อว่าลูกชายนั้นพยายามที่จะฆ่าตัวตาย โดยเมื่อเข้าไปในห้องพบว่าเฉินกลืนยาเข้าไปจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลจนรอดชีวิต แต่ปรากฏว่า เฉิน กลับพูดสารภาพทันทีว่าเขาได้ฆ่าคนตายในห้องย่านซื่อหลิน กรุงไทเป

          เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามจนได้พิกัดจึงเดินทางไปตรวจสอบที่ห้องพักดังกล่าว จึงไปพบศพของ ไช่ หญิงชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปี 4 ของมหาวิทยาลัยหมิงชวน ในสภาพถูกรัดคอจนเสียชีวิต ไม่พบร่องรอยการต่อสู้อื่น ๆ แต่ต้องรอผลการชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตโดยละเอียดอีกครั้ง

          เบื้องต้นพบว่า ไช่ มีงานอดิเรกเป็นนางแบบ โดยมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมราว 1 พันคน โพสต์ล่าสุดเป็นคลิปที่เธอได้ร่วมกิจกรรมเต้นบนถนนในเขตซินยี่ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเธอผู้ตายกับผู้ก่อเหตุได้พบกันผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบพบว่า เฉิน ไปที่ห้องพักของฝ่ายหญิงตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันที่ 12 ตุลาคม ก่อนจะออกไปช่วงเที่ยงวันที่ 13 ตุลาคม จากนั้นได้กลับไปบ้านของตัวเองและพยายามฆ่าตัวตายดังกล่าว ซึ่งต่อมาเจ้าตัวอ้างว่าฝ่ายหญิงเป็นแฟนของเขา สาเหตุที่ทำไปเพราะอีกฝ่ายนั้นขอร้องให้ช่วยฆ่าตัวตาย

แฟนเก่าของฝ่ายหญิง เล่าว่า เขาคบกับแฟนได้ราว 1 ปี ก่อนจะเลิกรากันไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สาเหตุจากเรื่องที่ทะเลาะกันบ่อยครั้งกับบทบาทที่ฝ่ายหญิงทำงานเป็นสตรีมเมอร์สาวจากแพลตฟอร์ม 17LIVE และก็มักจะไปพบปะใกล้ชิดกับแฟนคลับอยู่เสมอ โดยรับว่าแฟนเก่านั้นมีอาการซึมเศร้าและต้องกินยาอยู่เป็นประจำ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยพบว่าเธอนั้นมีความคิดที่จะฆ่าตัวตายแต่อย่างใด

ด้านพ่อของไช่ เปิดใจว่า หวังว่าทางการไต้หวันจะช่วยเหลือครอบครัวด้วย เพราะเคสนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีชาวมาเลเซียถูกฆ่าในไต้หวัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับบ้านเกิดของเขา ที่ผ่านมาเขาทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงลูกสาวให้โตมาถึงวัยนี้ และเธอก็กำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่กลับมาถูกบางคนฆ่าตายที่นี่ แม้จะไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร แต่การฆ่าผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องที่ผิด ดังนั้นจึงอยากให้ทางการมอบความยุติธรรมให้กับครอบครัวของตนด้วย