อินโดฯ ผวา งูกินคน เจองูเหลือมยักษ์ 6.7 เมตร นอนพุงตึงกลางป่า ผ่าท้องดูเจอศพคนหาย ชี้ตามหาทั้งคืนก่อนรู้ชะตากรรมสุดท้าย ถูกกินทั้งเป็น ชาวบ้านหวาดระแวง ชี้ยังมีงูใหญ่กว่านี้อีกในป่า
วันที่ 25 ตุลาคม 2565 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานเหตุสะพรึงที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อ จาห์ราห์ หญิงอายุ 54 ปี หายตัวไปกลางดึกตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 ตุลาคม) ภายในพื้นที่ป่าใกล้บ้าน ก่อนพบอีกทีกลายเป็นศพอยู่ในท้องงูเหลือมยักษ์ยาว 6.7 เมตร
รายงานเผยว่า จาห์ราห์ ซึ่งอาศัยอยู่ในจังหวัดจัมบี ตอนกลางของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ได้บอกลาครอบครัวก่อนจะเข้าป่าไปเก็บน้ำยางตามลำพัง และไม่กลับมาบ้านอีกเลย คนในครอบครัวจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้ช่วยกันตามหา แต่แม้จะมีการระดมกำลังค้นหาก็ยังไม่มีใครพบเบาะแส จนกระทั่งวันต่อมาจึงมีคนพบงูเหลือมยักษ์นอนท้องตึงอยู่ในป่า
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยว่า ชาวบ้านตัดสินใจฆ่างูและผ่าท้องดู ทุกคนต่างก็ตกใจเมื่อพบว่าหญิงที่กำลังตามหาอยู่ในท้องงูนั่นเอง
ด้าน อันโด หัวหน้าหมู่บ้าน เผยว่า จาห์ราห์น่าจะถูกงูฆ่าด้วยการใช้ลำตัวบีบรัดจนหายใจไม่ออก ซึ่งมันเป็นความเจ็บปวดที่กินเวลานานถึง 2 ชั่วโมง ก่อนจะถูกงูเขมือบเข้าไป
สำหรับเหยื่อขนาดใหญ่เท่านี้ อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่างูจะสามารถย่อยได้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่ศพของจาห์ราห์นั้นพบว่าอยู่ในสภาพแทบไม่บุบสลาย เสื้อผ้าของเธอยังอยู่ครบในตอนที่ผ่าท้องงู
ทั้งนี้ ไม่มีใครเห็นตอนที่จาห์ราห์ถูกงูกินเข้าไป เนื่องจากเธอเข้าไปในป่าเพียงคนเดียว
อนึ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สถานการณ์ภายในหมู่บ้านของอันโดค่อนข้างตึงเครียด เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีคนเห็นงูเหลือมยักษ์จำนวนหนึ่งอยู๋ใกล้ ๆ หมู่บ้าน โดยอันโดเผยว่า ชาวบ้านเคยพยายามจับงูที่ตัวใหญ่กว่านี้มาแล้ว ขนาดของงูตัวนั้นน่าจะยาวประมาณ 8.2 เมตร แต่มันแข็งแรงเกินไป
ตอนนี้ชาวบ้านต่างก็เป็นกังวลเพราะมีงูตัวใหญ่กว่านี้ที่ยังอยู่ในป่า และงูขนาดใหญ่เหล่านี้ก็กินแพะของชาวบ้านไป 2 ตัวแล้ว
สำหรับอินโดนีเซีย นับเป็นประเทศที่มีประชากรงูเหลือมขนาดใหญ่ยักษ์เป็นจำนวนมาก พวกมันอาศัยอยู่ในป่าอันห่างไกล กินสัตว์ป่าเป็นอาหาร และบางครั้งก็มีคนตกเป็นเหยื่อเช่นกัน โดยเมื่อปี 2560 ก็เคยมีกรณีงูกินคนทั้งเป็นมาแล้วที่เกาะสุลาเวสีตะวันตก ก่อนจะมีการผ่าท้องงูจนเจอศพ
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลี่เมล
