เปิดใจ เทรนเนอร์หนุ่ม ถูกสาวหลอกจดทะเบียนสมรส หลงเชื่อภาพตั้งท้อง ที่แท้เป็นรูปมีลูกกับผัวเก่า แฉวีรกรรมแสบแอบพาคนยกเค้าถึงห้อง เอาบัตรเครดิตไปใช้ ทิ้งหนี้ไว้นับล้าน
จากกรณีที่ นายนรินทร์สิษฐิ์ หรือ มาร์ช อายุ 32 ปี เทรนเนอร์หนุ่ม ออกมาร้องทุกข์กรณีที่ถูก ไบร์ท หญิงอายุ 26 ปี ซึ่งเข้ามาตีสนิทจากการสมัครเป็นสมาชิกเทรนเนอร์ ก่อนจะสานสัมพันธ์คบหากัน ฝ่ายหญิงนำภาพผลอัลตราซาวด์การตั้งครรภ์มาแจ้งว่าท้อง จึงตกลงจดทะเบียนกัน ก่อนจะถูกหลอกนำบัตรเครดิตไปใช้จนเป็นหนี้นับล้านบาท ซึ่งหลังจากจับได้ฝ่ายหญิงบ่ายเบี่ยงที่จะหย่า ก่อนจะตัดช่องทางการติดต่อไปทั้งหมดนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 31 ตุลาคม 2565 เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ช่อง 3 สอบถามผู้เสียหาย เล่าว่า
รู้จักกับไบร์ททาง TikTok เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยฝ่ายหญิงได้สมัครมาเป็นสมาชิกในราคา 60,000 บาท โดยจ่ายมาก่อนครึ่งหนึ่งจำนวน 30,000 บาท พบว่าเธอนั้นเป็นคนที่มีบุคลิกดี พูดจามีหลักการน่าเชื่อถือ ขับรถเบนซ์ ใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัว
จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งนี้ต่างคนต่างเข้าหากัน แต่ฝ่ายตนก็ไม่แน่ใจ เพราะส่วนตัวก็ไม่ได้จีบอะไรเต็มที่ขนาดนั้น แต่เริ่มจากการที่ต่างคนต่างมีช่องทางติดต่อกันอยู่แล้ว หลังจากคบกันประมาณ 1 เดือน ฝ่ายหญิงนำผลตรวจอัลตราซาวด์มาให้ดูบอกว่าท้อง ตอนนั้นก็ได้แต่ดีใจ จึงไม่ได้ไปส่องดูว่ามันคือผลตรวจของปีไหน (ทราบภายหลังว่าเป็นผลตรวจของฝ่ายหญิงกับสามีคนที่ 3)
เมื่อรู้ข่าวจึงหยุดงาน 2 อาทิตย์เพื่อกลับไปเที่ยวบ้านที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมกับพาฝ่ายหญิงไปหาพ่อแม่ให้รับรู้และเตรียมที่จะจัดงานแต่งงาน ก่อนจะกลับก็ถูกฝ่ายหญิงชวนให้จดทะเบียนสมรส หลังจากนั้นไบร์ทชวนให้ไปเปิดคอนโดหรูใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ก็ไม่เคยช่วยเหลือค่าเช่า ซ้ำยังขอบัตรเครดิตตนไปใช้ อ้างว่าบัตรของเธอมีวงเงินเป็นล้านแต่ไม่อยากใช้เพราะกลัวใช้จ่ายเยอะเกินไป จึงมาใช้บัตรตนที่มีวงเงินระดับแสน บอกว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่ใช้เอง
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
จนกระทั่งช่วงเดือนตุลาคม พอตนเปลี่ยนสถานะว่าหมั้นกับฝ่ายหญิง ผู้เสียหายคนอื่นจึงเริ่มทักมาบอกหลายคน ประมาณว่าฝ่ายหญิงทำแบบนี้กับผู้ชายแทบทุกคน เริ่มจากหลอกว่าท้อง ชวนไปจดทะเบียน จากนั้นก็ใช้เงินผู้ชาย ก่อนจะพบข้อมูลจากตำรวจว่าอีกฝ่ายจดทะเบียนมาแล้ว 3 ครั้ง มีลูกแล้ว 4 คน เปลี่ยนชื่อกว่า 10 ครั้ง
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
โดยคดีของเทรนเนอร์หนุ่ม ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เข้ามาเป็นทนายความให้ เบื้องต้นทนายบอกว่า เป็นช่องว่างทางกฎหมายที่ทำให้มิจฉาชีพใช้หลอกเหยื่อ เพราะกรณีที่จดทะเบียนสมรสกัน ผัวเมียฟ้องลักทรัพย์จะได้รับการยกเว้นโทษ แต่ก็จะต้องสอบให้ถึงว่าจะเอาผิดในฐานฉ้อโกงได้หรือไม่ เพราะมีเจตนาปกปิดมาตั้งแต่แรก ส่วนค่าเสียหายก็จะทำการฟ้องร้องคืนทรัพย์สินที่ถูกหลอกลวง ส่วนสามีเก่าถ้ามีส่วนรู้เห็นก็อาจมีความผิดด้วย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์