คุณหมอกฤตไท เผยเรื่องราวชีวิต จากคน กทม. มาเรียนหมอที่เชียงใหม่ จบเฉพาะทาง 2 ใบ และจบ ป.โท ด้านวิศวกรรมศาสตร์ อีก 1 ใบ รักษาสุขภาพดีเสมอมา สุดท้ายกลายเป็นว่าเจอมะเร็งระยะสุดท้าย ทุกอย่างพังครืนลงต่อหน้า
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สู้ดิวะ
คนเราเกิดมาชีวิตหนึ่งก็คงคาดหวังว่าอยากได้ทำตามความฝันของตัวเองให้สำเร็จ ทั้งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ทำงานที่มีความมั่นคง มีรายได้ที่ดี มีชีวิตรักที่มีความสุข แต่ทุกอย่างที่เราสร้างมาทั้งหมดอาจจะพังครืนลงไปจากอุบัติเหตุบางอย่าง หรือกระทั่งการพบว่าเรากำลังเป็นโรคร้าย
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 คุณหมอกฤตไท ได้เปิดเพจใหม่ที่ใช้ชื่อว่า สู้ดิวะ ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตของคุณหมอที่ทำทุกอย่างได้ดีมาตลอด ทั้งเรื่องการเรียนที่จบจากคณะแพทยศาสตร์ เรียนจบเฉพาะทาง 2 สาขา และปริญญาโทอีก 1 สาขา ตอนนี้คุณหมอกำลังได้บรรจุเป็นอาจารย์หมอ และกำลังจะแต่งงาน กำลังจะสร้างบ้าน แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับพลิกผัน เมื่อคุณหมอตรวจเจอว่าตนเองเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
หมอกฤตไท เล่าชีวิตตั้งแต่ต้น ตั้งใจจนได้เรียนหมอ เรียนเฉพาะทาง 2 ใบ ควบ ป.โท อีกใบ แต่สุดท้ายทุกอย่างพลิก
ทั้งนี้ คุณหมอกฤตไท ธนสมบัติกุล ได้เปิดเพจใหม่ที่ชื่อว่า สู้ดิวะ เล่าเรื่องราวในชีวิตของคุณหมอ โดยเริ่มจากที่คุณหมอเผยว่า คุณหมอเกิดในครอบครัวใหญ่ มีอากง อาม่า ชีวิตตอนเป็นเด็กนั้นมีความสุขมาก ๆ แต่สุดท้ายก็มาเจอจุดพลิกผัน เมื่อคุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกัน ทำให้ต้องเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากที่เคยเป็นคนติดเพื่อน ให้ความสำคัญกับเพื่อนมากกว่าเรื่องเรียน ทำให้ได้อ่านหนังสือ พัฒนาความคิดและทัศนคติตัวเองมาเรื่อย ๆ
คุณหมอเรียนจบจากโรงเรียนสวนกุหลาบ OSK131 จากนั้นก็สอบติดคณะแพทยศาสตร์ที่ ม.เชียงใหม่ จึงต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ คุณหมอใช้เวลาในการเรียนแพทย์ 6 ปี และได้สัมผัสกับวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเจอ จนทำให้คุณหมอรักเชียงใหม่มาก ตอนที่เรียนคุณหมอก็เป็นนักบาสเกตบอลของคณะแพทย์ด้วย
เมื่อเรียนจบแพทย์ 6 ปี คุณหมอก็มาเรียนต่อเฉพาะทางอีก 3 ปี โดยที่เลือกเรียนสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว หรือ Family Medicine เป็นแพทย์ใช้ทุนร่วมกับเรียนต่อเฉพาะทางที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และระหว่างที่เรียนต่อทางนี้ คุณหมอก็เรียนด้านระบาดวิทยาคลินิกเพิ่มอีกสาขา ซึ่งเป็นสาขาที่หลายคนในประเทศอาจจะยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ ซึ่งศาสตร์นี้เป็นศาสตร์ของการตอบโจทย์ ตอบปัญหาของหมอในกระบวนการรักษาคนไข้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และสถิติ สร้างงานวิจัยเพื่อช่วยให้กระบวนการดูแลคนไข้ดีขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ คุณหมอยังเรียนปริญญาโทอีกใบด้านวิทยาการข้อมูล หรือ Data Science คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ปัจจุบันคุณหมอเรียนจบเฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ครอบครัว และเรียนจบ ป.โท ด้าน Data Science แล้ว กำลังจะรับปริญญา
เมื่อเรียนจบคุณหมอก็ได้รับบรรจุเป็นอาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์ ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ซึ่งตอนนี้คุณหมอทำงานได้ 2 เดือน และกำลังสร้างทีมด้าน Clinical Epidemiology
ในด้านการใช้ชีวิตนั้น คุณหมอชอบการออกกำลังกาย เข้ายิม ดูแลสุขภาพของตัวเอง ให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารและการนอน ชอบอ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ด้านการลงทุน และตอนนี้ก็กำลังจะแต่งงาน กำลังจะซื้อบ้าน แต่สุดท้ายคุณหมอกลับมาพบจุดพลิกผันครั้งใหญ่ในชีวิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สู้ดิวะ
หมอกฤตไท เผยอาการก่อนพบว่าเป็นมะเร็ง วันรู้ผลทุกอย่างช็อก มะเร็งกำลังลุกลาม
ทั้งนี้ คุณหมอเริ่มจับอาการของตัวเองได้ว่า มีอาการไอ ทั้งไอมีเสมหะ ไอแห้ง ตรวจโควิดก็ไม่เจอ คุณหมอเลยรักษาไปทางกรดไหลย้อนก่อน เวลาผ่านไป 2 เดือนยังสามารถทำงานและเล่นกีฬาได้ปกติ แต่อาการไอไม่หาย วันที่ 3 ตุลาคม 2565 คุณหมอเลยตรวจจริง ๆ จัง ๆ และเมื่อได้ผลเอกซเรย์ปอดกลับพบว่า ชีวิตของคุณหมอไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไป
คุณหมอบอกว่า คุณหมอเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลาม และเป็นระยะสุดท้าย ไม่สามารถผ่าเอาก้อนเนื้อออกแล้วหายขาดได้อย่างแน่นอน
โดยที่ปอดข้างขวาของคุณหมอเหลือข้างเดียว มีลักษณะเหมือนก้อนกับน้ำในปอด และปอดข้างซ้ายมีก้อนเล็ก ๆ เต็มไปหมด ตอนที่เห็นผลของตัวเอง จังหวะนั้นสมองว่างเปล่า จากคนที่บ้างานคนหนึ่ง คุณหมอกลับไม่คิดถึงเรื่องงานเลย ไม่มีความคิดว่าอยากทำงานให้มากกว่านี้ อยากใช้เวลาในออฟฟิศให้นานกว่านี้
จากนั้นคุณหมอก็ตรวจทุกอย่าง ทั้งเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ผ่าตัดเพื่อเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ ตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สมอง และผลคือคุณหมอเป็นมะเร็งปอดจริง ๆ เป็นระยะสุดท้ายด้วยก้อนหลักขนาดเกือบ 8 ซม. ที่ปอดด้านขวา ลามไปยังเยื่อหุ้มปอดและปอดด้านซ้าย แต่ละก้อนก็ใหญ่ และตำแหน่งที่กระจายไปสามารถทำให้คุณหมอแขนขาอ่อนแรง เดินไม่ตรง ทรงตัวไม่ได้ หรือสูญเสียการมองเห็น แต่คุณหมอไม่มีอาการทางสมองใด ๆ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สู้ดิวะ
หมอกฤตไท กับชีวิตที่รักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย - กินอาหารคลีน แต่วันนี้รับคีโม เวลาที่มีอยู่น้อยลงทุกนาที
คุณหมอยืนยันว่า ตนเองเป็นคนรักษาสุขภาพ เข้ายิมสม่ำเสมอ เล่นกีฬา กินอาหารคลีน ไม่สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้อย ทำงานไม่เครียด นอน 4 ทุ่ม ตื่น 6 โมงเช้า มาทำหนังสือ วิจัย มาสอนนักศึกษา ไม่ต้องเข้าเวร ไม่อดนอน การงานอาชีพกำลังไปได้สวย กำลังจะได้เป็นอาจารย์หมอตามที่ฝัน ชีวิตรักก็ดีเพราะกำลังจะแต่งงานกับคุณพีม และกำลังจะซื้อบ้านใหม่ แต่กลับมาเจอเรื่องพลิกผันตรงนี้เสียก่อน
คุณหมอเชื่อว่าถ้าคนเรามีเป้าหมาย วางแผน ทุ่มเท อดทน แล้วเราจะได้ในสิ่งที่ต้องการ เชื่อว่าสามารถควบคุมชีวิต ดูแลสุขภาพ อ่านหนังสือ ลงทุน ใช้ชีวิตให้ดี เลยทำให้ในมือมีการ์ดดี ๆ มากมาย มีสุขภาพที่แข็งแรง มีการงานที่มั่นคง มีสังคมและความสัมพันธ์ที่อบอุ่น และกล้าพูดได้ว่ามีคนรักมากกว่าคนเกลียด ลงทุนเดินตามแผนเกษียณ กำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่รักมากที่สุด กำลังจะสร้างบ้านในฝัน แต่สุดท้ายกลับจั่วการ์ดมะเร็งระยะสุดท้าย จนเหมือนโลกทั้ังใบแตกสลายลงต่อหน้า แผนชีวิตที่ทำมาพังลงไปหมด
คุณหมอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนที่รับคีโม หรือได้รับยาอะไรเข้าไปแล้ว ร่างกายจะเป็นอย่างไร ฉายแสงที่หัวด้วยรังสีเข้มข้นจะเกิดผลข้างเคียงอะไร จะมองเห็นไหม จะเดินได้ไหม จะกินข้าวได้ไหม จะจำทุกคนได้ไหม ยังเป็นตัวของตัวเองได้นานแค่ไหน และทำให้คุณหมอกลายเป็นคนที่มีเวลาจำกัดขึ้นมาทันที ไม่ว่าคุณหมอจะแข็งแรงแค่ไหน ผลตอบสนองต่อยาจะดีแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ คุณหมอไม่น่าจะแก่ตาย
เมื่อถามว่าเวลาที่มีจำกัดขนาดไหน คุณหมอบอกว่า อาจจะหลักเดือน 6 เดือน 1 ปี 2 ปี ถ้าโชคดีหน่อยอาจจะ 5 ปี
หมอกฤตไท เผยสภาพปอด 3 ปีก่อนยังดี วันนี้ปอดหายไป 1 ข้าง ไม่มีอาการมากจนกระทั่งไปตรวจเจอ
นอกจากนี้คุณหมอยังเผยให้เห็นถึงผลเอกซเรย์ปอด เทียบกับผลเอกซเรย์เมื่อปี 2019 ซึ่งจะเห็นว่ามีก้อนขนาด 8 ซม. ในปอดด้านขวา มีน้ำในปอดร่วมด้วย และยังมีก้อนเล็ก ๆ ในปอดซ้ายอีกหลายก้อน หากผลออกมาแบบนี้คุณหมอน่าจะหายใจเหนื่อยแม้กระทั่งเวลาคุย แต่ในความเป็นจริงคุณหมอยังปกติ เล่นบาสเกตบอลในระดับนักกีฬา แม้ว่าร่างกายจะฟิตน้อยลงก็ตาม
หมอกฤตไท กับเหตุผลที่ทำเพจเล่าชีวิต ที่ผ่านมาไม่มีอะไรที่เสียใจ แค่เมื่อจากไปอยากเหลืออะไรไว้บนโลกใบนี้
คุณหมอบอกว่า แม้จะพบกับโรคร้าย แต่ชีวิตที่ผ่านมานั้นไม่มีอะไรน่าเสียใจ ไม่มีความรู้สึกว่าทำแบบนี้ดีกว่า หรือย้อนกลับไปเปลี่ยนทางเดินชีวิตของตัวเอง ไม่ได้อยากเที่ยวรอบโลก ไม่ได้อยากขับซูเปอร์คาร์ ไม่ได้อยากมีไปมากกว่าที่มีในตอนนี้ ชีวิตของคุณหมอที่ผ่านมาถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม
คุณหมอและคุณพีม (แฟน) ใช้เวลา 1 เดือนที่ผ่านมาไปกับการรักษา ฉายรังสี ยาสลบ ผ่าตัด กระตุ้นภูมิ เคมีบำบัด และหลังจากได้รับคีโม คุณหมอยังติดโควิดอีก ก็ต้องกินยาโมลนูพิลาเวียร์ และตั้งหลักชีวิตใหม่ว่า การ์ดที่มีอยู่ในมือนั้น ต่อไปนี้จะเล่นอย่างไร และเราอาจจะฝากอะไรไว้บนโลกที่ไม่ค่อยน่ารักนี้มาได้บ้าง
"ผมได้รับโอกาสที่จะถ่ายทอดสิ่งที่ผมได้ตกตะกอนมาตลอดชีวิตผม สิ่งที่ได้เรียนรู้ มุมมองการใช้ชีวิต ความเชื่อ ความฝัน ความประทับใจ รวมถึงเรื่องราวที่ผมอยากจะฝากไว้กับโลกนี้ ทั้งช่วงอารมณ์อ่อนไหวและเข้มแข็ง เผื่อถ้าวันหนึ่งที่ผมไม่อยู่แล้ว ตัวตนของผมจะยังอยู่ตลอดไป
ผมจะยังได้เป็นอาจารย์ จะยังได้มีลูกศิษย์ที่เติบโต ที่ได้เรียนรู้จากผมอยู่
มันคงจะดีมาก ๆ ถ้าการที่ชีวิตที่สั้นลงของผมสามารถเป็นกำลังใจ เป็นพลังให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อ
ผมและเพื่อนรักของผม
จึงมีความตั้งใจที่จะสร้างเพจนี้ขึ้นมา