ชายอิหร่าน ใช้ชีวิตอยู่ในสนามบินฝรั่งเศส 18 ปี เสียชีวิตแล้ว หลังกลับมาอยู่ที่สนามบินอีกครั้ง ปิดตำนาน The Terminal ตัวจริง
![ปิดตำนาน The Terminal ชายอาศัยในสนามบิน 18 ปี สิ้นใจ]( "ปิดตำนาน The Terminal ชายอาศัยในสนามบิน 18 ปี สิ้นใจ")
ภาพจาก STEPHANE DE SAKUTIN / AFP
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 สำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานว่า เมห์ราน การิมิ นาสเซรี ชายอิหร่านที่ใช้ชีวิตอยู่ในสนามบินชาร์ล เดอ โกล ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส มาเป็นเวลานาน 18 ปี จนเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนัง The Terminal (2004) ของผู้กำกับดัง สตีเวน สปีลเบิร์ก ได้เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 77 ปี ภายในสนามบินซึ่งเป็นเหมือนบ้านของเขามาอย่างยาวนาน
เจ้าหน้าที่ประจำสนามบิน เผยว่า นาสเซรี เสียชีวิตในวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 พฤศจิกายน) หลังเกิดหัวใจวายขณะอยู่ในเทอร์มินอล 2F ทางตำรวจและทีมแพทย์พยายามให้การช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้
![ปิดตำนาน The Terminal ชายอาศัยในสนามบิน 18 ปี สิ้นใจ]( "ปิดตำนาน The Terminal ชายอาศัยในสนามบิน 18 ปี สิ้นใจ")
ภาพจาก STEPHANE DE SAKUTIN / AFP
เป็นระยะเวลา 18 ปี ตั้งแต่ปี 2531-2549 ที่นาสเซรีใช้ชีวิตอยู่ที่เทอร์มินอล 1 ของสนามบินชาร์ล เดอ โกล หลังไม่มีเอกสารเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมาย หรือเอกสารแสดงถิ่นที่อยู่ใด ๆ ในแต่ละวันเขาจะนอนอยู่บนม้านั่งพลาสติกสีแดง มีกล่องกระดาษหนังสือพิมพ์และนิตยสารอยู่รอบตัว เขาอาบน้ำที่ห้องน้ำของเจ้าหน้าที่ และใช้เวลาไปกับการจดบันทึกเรื่องราวของเขาลงไดอารี่ อ่านนิตยสาร ศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ ตลอดจนสำรวจดูนักเดินทางที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ในสนามบินตั้งฉายาให้เขาว่า ลอร์ดอัลเฟรด และนาสเซรีก็กลายมาเป็นคนดังในหมู่ผู้โดยสาร
สำหรับ เมห์ราน การิมิ นาสเซรี เกิดเมื่อปี 2488 ในดินแดนที่เป็นส่วนหนึ่งของอิหร่าน ก่อนจะเดินทางมาศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษ อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านชาห์ กษัตริย์อิหร่าน เขาก็ถูกถอดหนังสือเดินทางตอนเดินทางกลับมาประเทศ
ต่อมานาสเซรีซึ่งได้สถานะผู้ลี้ภัยจากเบลเยียม พยายามเดินทางไปตามหาแม่แท้ ๆ ที่ประเทศอังกฤษ และได้ทิ้งเอกสารระบุตัวตนไว้บนเรือที่มุ่งหน้าสู่อังกฤษ ทำให้ตกอยู่ในสภาพไร้สัญชาติ ต่อมาเขายื่นขอลี้ภัยทางการเมืองในหลายประเทศที่ยุโรป แต่ถูกปฏิเสธ อีกทั้งกระเป๋าที่มีเอกสารรับรองสถานะผู้ลี้ภัยจากเบลเยียมก็ยังถูกขโมยไป
สุดท้ายหลังจากที่ถูกทางตำรวจฝรั่งเศสจับกุม โดยไม่สามารถเนรเทศเขากลับไปไหนได้ เนื่องจากไม่มีเอกสารระบุตัวตน ทำให้นาสเซรีมาลงเอยด้วยการอาศัยอยู่ในสนามบินชาร์ล เดอ โกล ของฝรั่งเศส ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2531
แม้ต่อมาเขาจะได้รับเอกสารลี้ภัย แต่นาสเซรีกลับปฏิเสธที่จะลงนามในเอกสารเหล่านั้น และเลือกที่จะอยู่ในสนามบินต่อไป จนกระทั่งปี 2549 นาสเซรีล้มป่วยจนต้องถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่ประจำสนามบินเผยว่า หลังผ่าตัดเสร็จสิ้น นาสเซรีก็มาอาศัยอยู่ในโรงแรมใกล้ ๆ สนามบิน โดยใช้เงินที่ได้รับมาเป็นค่าลิขสิทธิ์จากการนำเรื่องราวของเขาเป็นสร้างเป็นหนัง ก่อนจะเข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิงในสถานะคนไร้บ้าน จนกระทั่งไม่กี่สัปดาห์ก่อน เขาได้กลับมาอาศัยอยู่ในสนามบินอีกครั้ง
ทั้งนี้ คนที่เคยผูกมิตรกับนาสเซรีในสนามบิน เผยว่าการใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่ไร้หน้าต่างปิดกั้นมานานหลายปี ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเขา แม้แต่หมอประจำสนามบินก็ยังเคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจของนาสเซรี
อนึ่ง เรื่องราวชีวิตอันน่าเหลือเชื่อของนาสเซรี กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนังหลายเรื่อง เช่น The Terminal (2004) ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก ที่มี ทอม แฮงก์ เป็นนักแสดงนำ รวมถึงหนังฝรั่งเศสเรื่อง Lost in Transit
ขอบคุณข้อมูลจาก อัลจาซีรา, theguardian.com
ภาพจาก STEPHANE DE SAKUTIN / AFP
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 สำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานว่า เมห์ราน การิมิ นาสเซรี ชายอิหร่านที่ใช้ชีวิตอยู่ในสนามบินชาร์ล เดอ โกล ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส มาเป็นเวลานาน 18 ปี จนเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนัง The Terminal (2004) ของผู้กำกับดัง สตีเวน สปีลเบิร์ก ได้เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 77 ปี ภายในสนามบินซึ่งเป็นเหมือนบ้านของเขามาอย่างยาวนาน
เจ้าหน้าที่ประจำสนามบิน เผยว่า นาสเซรี เสียชีวิตในวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 พฤศจิกายน) หลังเกิดหัวใจวายขณะอยู่ในเทอร์มินอล 2F ทางตำรวจและทีมแพทย์พยายามให้การช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้
ภาพจาก STEPHANE DE SAKUTIN / AFP
เป็นระยะเวลา 18 ปี ตั้งแต่ปี 2531-2549 ที่นาสเซรีใช้ชีวิตอยู่ที่เทอร์มินอล 1 ของสนามบินชาร์ล เดอ โกล หลังไม่มีเอกสารเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมาย หรือเอกสารแสดงถิ่นที่อยู่ใด ๆ ในแต่ละวันเขาจะนอนอยู่บนม้านั่งพลาสติกสีแดง มีกล่องกระดาษหนังสือพิมพ์และนิตยสารอยู่รอบตัว เขาอาบน้ำที่ห้องน้ำของเจ้าหน้าที่ และใช้เวลาไปกับการจดบันทึกเรื่องราวของเขาลงไดอารี่ อ่านนิตยสาร ศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ ตลอดจนสำรวจดูนักเดินทางที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ในสนามบินตั้งฉายาให้เขาว่า ลอร์ดอัลเฟรด และนาสเซรีก็กลายมาเป็นคนดังในหมู่ผู้โดยสาร
สำหรับ เมห์ราน การิมิ นาสเซรี เกิดเมื่อปี 2488 ในดินแดนที่เป็นส่วนหนึ่งของอิหร่าน ก่อนจะเดินทางมาศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษ อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านชาห์ กษัตริย์อิหร่าน เขาก็ถูกถอดหนังสือเดินทางตอนเดินทางกลับมาประเทศ
ต่อมานาสเซรีซึ่งได้สถานะผู้ลี้ภัยจากเบลเยียม พยายามเดินทางไปตามหาแม่แท้ ๆ ที่ประเทศอังกฤษ และได้ทิ้งเอกสารระบุตัวตนไว้บนเรือที่มุ่งหน้าสู่อังกฤษ ทำให้ตกอยู่ในสภาพไร้สัญชาติ ต่อมาเขายื่นขอลี้ภัยทางการเมืองในหลายประเทศที่ยุโรป แต่ถูกปฏิเสธ อีกทั้งกระเป๋าที่มีเอกสารรับรองสถานะผู้ลี้ภัยจากเบลเยียมก็ยังถูกขโมยไป
สุดท้ายหลังจากที่ถูกทางตำรวจฝรั่งเศสจับกุม โดยไม่สามารถเนรเทศเขากลับไปไหนได้ เนื่องจากไม่มีเอกสารระบุตัวตน ทำให้นาสเซรีมาลงเอยด้วยการอาศัยอยู่ในสนามบินชาร์ล เดอ โกล ของฝรั่งเศส ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2531
แม้ต่อมาเขาจะได้รับเอกสารลี้ภัย แต่นาสเซรีกลับปฏิเสธที่จะลงนามในเอกสารเหล่านั้น และเลือกที่จะอยู่ในสนามบินต่อไป จนกระทั่งปี 2549 นาสเซรีล้มป่วยจนต้องถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่ประจำสนามบินเผยว่า หลังผ่าตัดเสร็จสิ้น นาสเซรีก็มาอาศัยอยู่ในโรงแรมใกล้ ๆ สนามบิน โดยใช้เงินที่ได้รับมาเป็นค่าลิขสิทธิ์จากการนำเรื่องราวของเขาเป็นสร้างเป็นหนัง ก่อนจะเข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิงในสถานะคนไร้บ้าน จนกระทั่งไม่กี่สัปดาห์ก่อน เขาได้กลับมาอาศัยอยู่ในสนามบินอีกครั้ง
ทั้งนี้ คนที่เคยผูกมิตรกับนาสเซรีในสนามบิน เผยว่าการใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่ไร้หน้าต่างปิดกั้นมานานหลายปี ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเขา แม้แต่หมอประจำสนามบินก็ยังเคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจของนาสเซรี
อนึ่ง เรื่องราวชีวิตอันน่าเหลือเชื่อของนาสเซรี กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนังหลายเรื่อง เช่น The Terminal (2004) ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก ที่มี ทอม แฮงก์ เป็นนักแสดงนำ รวมถึงหนังฝรั่งเศสเรื่อง Lost in Transit
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก อัลจาซีรา, theguardian.com
