ว่าที่ ส.ส. พี่ชายพระเอกดัง เจอคนแฉให้ค้ำรถแต่ไม่ยอมจ่าย จนบ้านจะถูกยึด แถมยังกล้าด่า ทิน โชคกมลกิจ พิธีกร ถกไม่เถียง งานนี้ฟาดสวนกลับแบบคอมโบ้ รีบขอโทษแทบไม่ทัน
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2565 จากกรณีที่ นายคำสิงห์ เนตรน้อย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า รถคันดังกล่าวเขาจะซื้อในชื่อของพ่อพระเอกดัง แต่คนที่ใช้จริง ๆ คือพี่ชายของพระเอก ซึ่งแฟนของพี่ชายมาขอร้องให้ตนไปค้ำประกันการออกรถคันนี้ให้หน่อย ถ้าเขาออกรถได้จะช่วยให้เขาหางานทำได้ ซึ่งก็สนิทกันระดับหนึ่ง เลยเป็นสาเหตุใจอ่อน ค้ำประกันรถให้เขาเมื่อปี 2563 เสร็จแล้วเขาก็เอารถไป ไม่ได้มีปัญหาอะไร จนกระทั่งตุลาคม 2564 มีหมายศาลมาถึงตน แจ้งว่าเขาไม่ได้ชำระค่างวดรถ ผ่อนไปได้แค่ 3 งวด
ตนเลยเอาหมายศาลฉบับนี้ไปปรึกษากับพ่อของพระเอก ซึ่งในหมายระบุให้ตัวพ่อไปขึ้นศาล แต่เขาก็ไม่ไป พอถามว่าทำไมถึงไม่จ่ายค่างวดรถ เขาตอบว่า "มันไม่ใช่เรื่องของเขา" เป็นเรื่องของลูกชาย มีเรื่องอะไร เขาก็จะส่งเอกสารไปให้ลูกชายที่กรุงเทพฯ แต่ลูกเขาก็เงียบ ต่อมามีหมายศาลมาอีกฉบับ แจ้งว่าตนจะโดนยึดทรัพย์ หากไม่ไปปิดยอด ซึ่งตนก็ได้ไปบอกกับพ่อพระเอก แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร จนไฟแนนซ์โทร. ขอเงิน 3.5 แสน เพื่อจบคดี พอไปบอกทางพ่อพระเอกเขาก็ไม่ยอมปิดหนี้ คุยแล้วคุยอีกเขาก็ไม่ยอม ผ่านไปประมาณ 2 เดือน ไฟแนนซ์ก็โทร. มาถามอีก ว่าจะปิดหนี้ไหม แต่คราวนี้ต้องเพิ่มยอดเป็น 4 แสน เขาช่วยได้แค่นี้ และให้เขียนคำร้องไป ตนจึงต้องเขียนคำร้องไป เพราะฝั่งพ่อพระเอก เขาไม่ทำอะไรแล้ว ถ้าตนไม่ทำ บ้านตนจะถูกยึด
ขณะเดียวกัน ทางไฟแนนซ์ได้ไปสืบทรัพย์มาแล้ว ปรากฏว่า พ่อพระเอกคนนี้ เขาไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย ขณะที่ตัวลูกชายคนโตตนได้พยายามโทร. ติดต่ออยู่ตลอด แต่เขาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักอย่าง สุดท้ายตนต้องเอารถของตัวเองไปเข้าลีสซิ่ง ได้เงินมา 3.2 แสนบาท ส่วนที่เหลือได้ไปขอให้พ่อพระเอกช่วยอีกครั้ง ซึ่งเขาก็ใช้เวลาแค่ 20 นาที เอาเงินมาให้ตน 1 แสนบาท ตนก็งงว่าเขาเอาเงินมาจากไหน ทั้งที่ตลอดเวลาไม่เคยไปผ่อนรถเลย
จากนั้นตนจึงเอาเงินทั้งหมดไปจ่ายไฟแนนซ์เพื่อปิดจบคดี ซึ่งตนก็ต้องผ่อนคืนให้ลีสซิ่งอีกจึงนำสัญญาเงินกู้ ตนได้นำไปให้พ่อของพระเอกดังเซ็นรับทราบ ให้เขาผ่อนชำระ 25,000 บาทต่อเดือน ทุกวันที่ 2 ของเดือน ซึ่งเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม เขาก็ยังไม่จ่าย ตนต้องการให้เขารับผิดชอบ ตนอยากปิดหนี้ รวมแล้วประมาณ 3.5 แสนบาท
- รถหายไปไหน
รถคันต้นเหตุไฟแนนซ์ไม่สามารถไปตามคืนได้ เพราะว่ารถถูกจำหน่ายไปแล้ว ไฟแนนซ์ตามไม่เจอ โดยนายเอ (นามสมมติ) พี่ชายพระเอก บอกว่า เอารถไปไว้ที่ที่หนึ่ง พอจะไปเอาคืนก็ถูกจำหน่ายไปแล้วตามคืนไม่ได้ ขณะที่ป้ายทะเบียน ก็ไม่ตรงกับตอนที่ออกรถด้วย
- พี่ชายพระเอกโฟนอินกลางรายการ
นายเอ (นามสมมติ) พี่ชายของพระเอกดัง ในฐานะของผู้ที่นำรถคันดังกล่าวไปใช้ เผยว่า รถคันดังกล่าว ยังใช้งานอยู่ ทุกวันนี้ ซึ่งงวดผ่อนรถ ตนก็ไม่แน่ใจว่าผ่อนไปกี่งวด เพราะระยะเวลามันนานมากแล้ว แต่ยืนยันว่าได้ผ่อน ทั้งนี้ วันที่ไปปิดยอดรถ ตนตั้งใจจะไปชำระยอดให้เรียบร้อยอยู่แล้ว ที่ผ่านมาที่ไม่ได้จ่ายเพราะ เจอวิกฤตหลายอย่างทั้งโควิด หรือปัญหาชีวิต ในตอนนี้ตนพร้อมจะดูแลทุกอย่างและรับผิดชอบ
ส่วนเงินพ่อ 1 แสนนั้น เป็นเงินเก็บของเขาและสัญญาเงินกู้ที่คุณคำสิงห์ทำมา จ่ายงวดละ 25,000 บาท ก็ให้พ่อเซ็นแล้ว แล้วตนจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ซึ่งได้มีการเตรียมเงินไว้เรียบร้อยแล้ว แต่คุณคำสิงห์บอกไม่เอา อยากได้เป็นเงินก้อน ซึ่งตนไม่มี แต่ตนพอมีกำลังที่จะผ่อน 25,000 บาท
คุณเอ : ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ที่จริงแกเป็นคนดีมาก ผมรักและเคารพเขา เราสองคนเป็นเพื่อนรักกัน แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้นผมไม่รู้
ทิน : มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ผมบอกให้ คุณไม่ผ่อนไงครับ บ้านเขาจะถูกยึดไงครับ มันคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นใช่หรือไม่ครับ คุณเอ เราเอาสิ่งที่เกิดขึ้นมาพูดกัน ถ้าคุณได้ผ่อนเหมือนที่คุณพูด บ้านเขาจะถูกยึดเหรอครับ เอกสารตราครุฑก็มี
คุณเอ : ไม่เป็นไรครับ
ทิน : มันเป็นครับ เพราะเขาเดือดร้อนครับ พอไม่เป็นข่าวคุณก็ไม่ได้เคลียร์เงินให้เขา พอเป็นข่าวคุณก็บอกว่าเป็นเพื่อนกัน
คุณเอ : คุณคำสิงห์รู้ตลอดเวลา อาทิตย์ที่แล้วยังมาหาผมที่บ้าน ผมบอกว่าผมไม่ไหว
คำสิงห์ : ผมไปหาป๋าคุณที่บ้าน คุยกับป๋าคุณอย่างเดียว คุณไม่รู้เรื่องอะไรไม่เคยอยู่บ้านสักที แล้วผมจะคุยกับคุณได้ยังไง อันนั้นคือที่ผมชำระเงินไปแล้ว ก็เลยเอาไปให้ดู รับผิดชอบตรงไหน แล้วทำไมไม่เอาเงินมาจ่าย
คุณเอ : ผมให้เลยเดือนละ 25,000
คำสิงห์ : ผมต้องการ 350,000 เพื่อปิดบัญชีผม แต่ที่เซ็น 25,000 เขายังไม่จ่ายสักเดือน
ต่อมา ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องเลขบัญชีว่าให้ส่งเลขบัญชีของคุณคำสิงห์ให้คุณเอโอนโดยตรงเพื่อจบเรื่องทั้งหมด
ทิน : อะไรที่เกิดมันขึ้นก่อนหน้านี้คุณเอรู้อยู่แก่ใจนะครับ เราคุยกันแมน ๆ นะครับ เรารู้อยู่แก่ใจนะครับ
คุณเอ : ผมไม่พูดเยอะ พิธีกรก็อย่าพูดเยอะครับ เพราะมันหลาย ๆ อย่าง
ทิน : อ้าว ผมพูดเยอะยังไงครับ ผมเอาตามที่เขาร้องเรียนมา เดี๋ยวก่อนคุณพูดแบบนี้แปลว่าอะไรครับ ผมพูดเยอะ ผมพูดเยอะยังไงครับ คุณเอ คุณกำลังสมัครเป็น ว่าที่ ส.ส. ใช่ไหมครับ คุณพูดแบบนี้กับผมเหรอ ผมพูดเยอะตรงไหนเหรอ ผมช่วยเขา ผมเปิดพื้นที่ให้คุณอธิบาย คุณบอกคุณจ่ายค่างวดทุกเดือน ถ้าคุณจ่าย เขาจะโดนยึดบ้านไหม
คุณเอ : โอเคครับ เป็นว่าผมขอโทษแล้วกันครับพี่
ทิน : ถ้าคุณขอโทษ ผมก็โอเคจบครับ (ส่ายหัว)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ถกไม่เถียง
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2565 จากกรณีที่ นายคำสิงห์ เนตรน้อย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า รถคันดังกล่าวเขาจะซื้อในชื่อของพ่อพระเอกดัง แต่คนที่ใช้จริง ๆ คือพี่ชายของพระเอก ซึ่งแฟนของพี่ชายมาขอร้องให้ตนไปค้ำประกันการออกรถคันนี้ให้หน่อย ถ้าเขาออกรถได้จะช่วยให้เขาหางานทำได้ ซึ่งก็สนิทกันระดับหนึ่ง เลยเป็นสาเหตุใจอ่อน ค้ำประกันรถให้เขาเมื่อปี 2563 เสร็จแล้วเขาก็เอารถไป ไม่ได้มีปัญหาอะไร จนกระทั่งตุลาคม 2564 มีหมายศาลมาถึงตน แจ้งว่าเขาไม่ได้ชำระค่างวดรถ ผ่อนไปได้แค่ 3 งวด
ตนเลยเอาหมายศาลฉบับนี้ไปปรึกษากับพ่อของพระเอก ซึ่งในหมายระบุให้ตัวพ่อไปขึ้นศาล แต่เขาก็ไม่ไป พอถามว่าทำไมถึงไม่จ่ายค่างวดรถ เขาตอบว่า "มันไม่ใช่เรื่องของเขา" เป็นเรื่องของลูกชาย มีเรื่องอะไร เขาก็จะส่งเอกสารไปให้ลูกชายที่กรุงเทพฯ แต่ลูกเขาก็เงียบ ต่อมามีหมายศาลมาอีกฉบับ แจ้งว่าตนจะโดนยึดทรัพย์ หากไม่ไปปิดยอด ซึ่งตนก็ได้ไปบอกกับพ่อพระเอก แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร จนไฟแนนซ์โทร. ขอเงิน 3.5 แสน เพื่อจบคดี พอไปบอกทางพ่อพระเอกเขาก็ไม่ยอมปิดหนี้ คุยแล้วคุยอีกเขาก็ไม่ยอม ผ่านไปประมาณ 2 เดือน ไฟแนนซ์ก็โทร. มาถามอีก ว่าจะปิดหนี้ไหม แต่คราวนี้ต้องเพิ่มยอดเป็น 4 แสน เขาช่วยได้แค่นี้ และให้เขียนคำร้องไป ตนจึงต้องเขียนคำร้องไป เพราะฝั่งพ่อพระเอก เขาไม่ทำอะไรแล้ว ถ้าตนไม่ทำ บ้านตนจะถูกยึด
ขณะเดียวกัน ทางไฟแนนซ์ได้ไปสืบทรัพย์มาแล้ว ปรากฏว่า พ่อพระเอกคนนี้ เขาไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย ขณะที่ตัวลูกชายคนโตตนได้พยายามโทร. ติดต่ออยู่ตลอด แต่เขาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักอย่าง สุดท้ายตนต้องเอารถของตัวเองไปเข้าลีสซิ่ง ได้เงินมา 3.2 แสนบาท ส่วนที่เหลือได้ไปขอให้พ่อพระเอกช่วยอีกครั้ง ซึ่งเขาก็ใช้เวลาแค่ 20 นาที เอาเงินมาให้ตน 1 แสนบาท ตนก็งงว่าเขาเอาเงินมาจากไหน ทั้งที่ตลอดเวลาไม่เคยไปผ่อนรถเลย
จากนั้นตนจึงเอาเงินทั้งหมดไปจ่ายไฟแนนซ์เพื่อปิดจบคดี ซึ่งตนก็ต้องผ่อนคืนให้ลีสซิ่งอีกจึงนำสัญญาเงินกู้ ตนได้นำไปให้พ่อของพระเอกดังเซ็นรับทราบ ให้เขาผ่อนชำระ 25,000 บาทต่อเดือน ทุกวันที่ 2 ของเดือน ซึ่งเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม เขาก็ยังไม่จ่าย ตนต้องการให้เขารับผิดชอบ ตนอยากปิดหนี้ รวมแล้วประมาณ 3.5 แสนบาท
- รถหายไปไหน
รถคันต้นเหตุไฟแนนซ์ไม่สามารถไปตามคืนได้ เพราะว่ารถถูกจำหน่ายไปแล้ว ไฟแนนซ์ตามไม่เจอ โดยนายเอ (นามสมมติ) พี่ชายพระเอก บอกว่า เอารถไปไว้ที่ที่หนึ่ง พอจะไปเอาคืนก็ถูกจำหน่ายไปแล้วตามคืนไม่ได้ ขณะที่ป้ายทะเบียน ก็ไม่ตรงกับตอนที่ออกรถด้วย
- พี่ชายพระเอกโฟนอินกลางรายการ
นายเอ (นามสมมติ) พี่ชายของพระเอกดัง ในฐานะของผู้ที่นำรถคันดังกล่าวไปใช้ เผยว่า รถคันดังกล่าว ยังใช้งานอยู่ ทุกวันนี้ ซึ่งงวดผ่อนรถ ตนก็ไม่แน่ใจว่าผ่อนไปกี่งวด เพราะระยะเวลามันนานมากแล้ว แต่ยืนยันว่าได้ผ่อน ทั้งนี้ วันที่ไปปิดยอดรถ ตนตั้งใจจะไปชำระยอดให้เรียบร้อยอยู่แล้ว ที่ผ่านมาที่ไม่ได้จ่ายเพราะ เจอวิกฤตหลายอย่างทั้งโควิด หรือปัญหาชีวิต ในตอนนี้ตนพร้อมจะดูแลทุกอย่างและรับผิดชอบ
ส่วนเงินพ่อ 1 แสนนั้น เป็นเงินเก็บของเขาและสัญญาเงินกู้ที่คุณคำสิงห์ทำมา จ่ายงวดละ 25,000 บาท ก็ให้พ่อเซ็นแล้ว แล้วตนจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ซึ่งได้มีการเตรียมเงินไว้เรียบร้อยแล้ว แต่คุณคำสิงห์บอกไม่เอา อยากได้เป็นเงินก้อน ซึ่งตนไม่มี แต่ตนพอมีกำลังที่จะผ่อน 25,000 บาท
คุณเอ : ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ที่จริงแกเป็นคนดีมาก ผมรักและเคารพเขา เราสองคนเป็นเพื่อนรักกัน แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้นผมไม่รู้
ทิน : มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ผมบอกให้ คุณไม่ผ่อนไงครับ บ้านเขาจะถูกยึดไงครับ มันคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นใช่หรือไม่ครับ คุณเอ เราเอาสิ่งที่เกิดขึ้นมาพูดกัน ถ้าคุณได้ผ่อนเหมือนที่คุณพูด บ้านเขาจะถูกยึดเหรอครับ เอกสารตราครุฑก็มี
คุณเอ : ไม่เป็นไรครับ
ทิน : มันเป็นครับ เพราะเขาเดือดร้อนครับ พอไม่เป็นข่าวคุณก็ไม่ได้เคลียร์เงินให้เขา พอเป็นข่าวคุณก็บอกว่าเป็นเพื่อนกัน
คุณเอ : คุณคำสิงห์รู้ตลอดเวลา อาทิตย์ที่แล้วยังมาหาผมที่บ้าน ผมบอกว่าผมไม่ไหว
คำสิงห์ : ผมไปหาป๋าคุณที่บ้าน คุยกับป๋าคุณอย่างเดียว คุณไม่รู้เรื่องอะไรไม่เคยอยู่บ้านสักที แล้วผมจะคุยกับคุณได้ยังไง อันนั้นคือที่ผมชำระเงินไปแล้ว ก็เลยเอาไปให้ดู รับผิดชอบตรงไหน แล้วทำไมไม่เอาเงินมาจ่าย
คุณเอ : ผมให้เลยเดือนละ 25,000
คำสิงห์ : ผมต้องการ 350,000 เพื่อปิดบัญชีผม แต่ที่เซ็น 25,000 เขายังไม่จ่ายสักเดือน
ต่อมา ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องเลขบัญชีว่าให้ส่งเลขบัญชีของคุณคำสิงห์ให้คุณเอโอนโดยตรงเพื่อจบเรื่องทั้งหมด
ทิน : อะไรที่เกิดมันขึ้นก่อนหน้านี้คุณเอรู้อยู่แก่ใจนะครับ เราคุยกันแมน ๆ นะครับ เรารู้อยู่แก่ใจนะครับ
คุณเอ : ผมไม่พูดเยอะ พิธีกรก็อย่าพูดเยอะครับ เพราะมันหลาย ๆ อย่าง
ทิน : อ้าว ผมพูดเยอะยังไงครับ ผมเอาตามที่เขาร้องเรียนมา เดี๋ยวก่อนคุณพูดแบบนี้แปลว่าอะไรครับ ผมพูดเยอะ ผมพูดเยอะยังไงครับ คุณเอ คุณกำลังสมัครเป็น ว่าที่ ส.ส. ใช่ไหมครับ คุณพูดแบบนี้กับผมเหรอ ผมพูดเยอะตรงไหนเหรอ ผมช่วยเขา ผมเปิดพื้นที่ให้คุณอธิบาย คุณบอกคุณจ่ายค่างวดทุกเดือน ถ้าคุณจ่าย เขาจะโดนยึดบ้านไหม
คุณเอ : โอเคครับ เป็นว่าผมขอโทษแล้วกันครับพี่
ทิน : ถ้าคุณขอโทษ ผมก็โอเคจบครับ (ส่ายหัว)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ถกไม่เถียง