จากกรณีการจับกุมผู้ลักลอบขโมยไฟฟ้านำไปขุดบิตคอยน์นั้น นายพิพัฒน์ ชลอำไพ รองผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า ที่ผ่านมา MEA กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันตรวจสอบกลุ่มผู้กระทำความผิดลักลอบใช้ไฟฟ้า ซึ่งพบว่ามีการก่อเหตุโดยใช้วิธีกระจายพื้นที่ลักลอบการใช้ไฟฟ้า โดยแต่ละจุดจะมีการใช้ไฟฟ้าไม่มาก เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ กระทั่งถูกตรวจพบ และเข้าจับกุมในครั้งนี้
รองผู้ว่าการ MEA กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม MEA ยืนยันว่าสามารถตรวจพบการลักลอบใช้ไฟฟ้าได้จากฐานข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของ MEA มีการตรวจจับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า การใช้อุปกรณ์ตรวจจับค่ากระแสไฟฟ้า การรับแจ้งจากผู้พบเห็น ไปจนถึงความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในทางกายภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้า พร้อมกันนี้ MEA ยังใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบการใช้ไฟฟ้า ซึ่งหากพบการลักลอบใช้ไฟฟ้าจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และอาญา ในข้อหาลักทรัพย์ และลักทรัพย์ในเวลากลางคืนทุกกรณีมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี
การลักลอบใช้ไฟฟ้านอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ไฟฟ้า เนื่องจากการปรับแต่งระบบไฟฟ้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร อัคคีภัย และไฟดูดไฟช็อต ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้าในพื้นที่ ส่งผลเสียหายต่อทั้งชีวิต และทรัพย์สินผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งในกรณีที่ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ใช่ผู้ปรับแต่งระบบไฟฟ้าด้วยตนเอง แต่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในสถานที่ที่มีการลักลอบ ก็จะมีความผิดในข้อหาลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญาด้วยเช่นกัน
ในด้านการขยายผลของคดีที่เกิดขึ้น MEA ยังได้มีการตรวจสอบปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในพื้นที่จำหน่ายของ MEA ซึ่งยังไม่พบปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ผิดปกติเกิดขึ้นในระดับภาพรวมของระบบ จึงกล่าวได้ว่า ปริมาณการลักลอบใช้ไฟฟ้า ยังไม่ได้มีปริมาณมากถึงในระดับที่จะส่งผลกระทบใดๆ ต่อค่าไฟฟ้าได้ แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ MEA ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีเจ้าหน้าที่ร่วมกระทำความผิดในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ โดย MEA ได้ร่วมมือกับ DSI และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการฐานข้อมูลเพื่อขยายผลการจับกุมไปยังผู้ร่วมก่อเหตุรายอื่น ๆ หากพบบุคคลใดที่กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุรายใหญ่ หรือรายย่อย MEA จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่มีละเว้น ทั้งนี้ MEA มีการวางแนวทางป้องกันการลักลอบใช้ไฟฟ้าให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในการตรวจจับความผิดปกติจากการลักลอบใช้ไฟฟ้าให้มีความละเอียด และแม่นยำมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
#ลักลอบใช้ไฟฟ้า
#ขุดบิตคอยน์
#MEA #DSI
#การไฟฟ้านครหลวง
#พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร
การลักลอบใช้ไฟฟ้านอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ไฟฟ้า เนื่องจากการปรับแต่งระบบไฟฟ้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร อัคคีภัย และไฟดูดไฟช็อต ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้าในพื้นที่ ส่งผลเสียหายต่อทั้งชีวิต และทรัพย์สินผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งในกรณีที่ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ใช่ผู้ปรับแต่งระบบไฟฟ้าด้วยตนเอง แต่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในสถานที่ที่มีการลักลอบ ก็จะมีความผิดในข้อหาลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญาด้วยเช่นกัน
ในด้านการขยายผลของคดีที่เกิดขึ้น MEA ยังได้มีการตรวจสอบปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในพื้นที่จำหน่ายของ MEA ซึ่งยังไม่พบปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ผิดปกติเกิดขึ้นในระดับภาพรวมของระบบ จึงกล่าวได้ว่า ปริมาณการลักลอบใช้ไฟฟ้า ยังไม่ได้มีปริมาณมากถึงในระดับที่จะส่งผลกระทบใดๆ ต่อค่าไฟฟ้าได้ แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ MEA ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีเจ้าหน้าที่ร่วมกระทำความผิดในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ โดย MEA ได้ร่วมมือกับ DSI และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการฐานข้อมูลเพื่อขยายผลการจับกุมไปยังผู้ร่วมก่อเหตุรายอื่น ๆ หากพบบุคคลใดที่กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุรายใหญ่ หรือรายย่อย MEA จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่มีละเว้น ทั้งนี้ MEA มีการวางแนวทางป้องกันการลักลอบใช้ไฟฟ้าให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในการตรวจจับความผิดปกติจากการลักลอบใช้ไฟฟ้าให้มีความละเอียด และแม่นยำมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
#ลักลอบใช้ไฟฟ้า
#ขุดบิตคอยน์
#MEA #DSI
#การไฟฟ้านครหลวง
#พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร