หนุ่มนักศึกษา ปวส. เดินดูน้ำท่วมเมืองปัตตานี พลัดตกท่อระบายน้ำไม่ได้ปิดฝา โดนกระแสน้ำดูดร่างจมหายต่อหน้าเพื่อน เร่งค้นหาข้ามคืนยังยังไม่พบ
จากกรณีวัยรุ่นได้พลัดตกท่อระบายน้ำ บริเวณข้างปั๊มน้ำมัน ถนนหนองจิก ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี ทราบชื่อคือ นายฟุรกอน อายุ 21 ปี นักศึกษา ปวส. 2 วิทยาลัยแห่งหนึ่ง จ.ปัตตานี โดยพลัดตกไปเมื่อเวลา 03.00 วันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา หลังมาดูสถานการณ์น้ำท่วมกับกลุ่มเพื่อนนั้น
วันที่ 24 ธันวาคม 2565 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า วานนี้ (23 ธันวาคม) เวลา 21.00 น. ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ร่วมกับ นายอำเภอเมืองปัตตานี ปภ.จังหวัด ตำรวจน้ำ ทหาร และชุดปะดาน้ำของฉลามภัย ได้วางแผนหลายขั้นตอน โดยมีการกระจายเจ้าหน้าที่ไปยังจุดต่าง ๆ ที่ท่อระบายน้ำสามารถไหลไปได้ ส่วนจุดที่นักศึกษาชายพลัดตก ในช่วงแรกยังไม่สามารถดำน้ำลงไปได้ เนื่องจากกระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยว จึงต้องให้ทาง ปภ.จังหวัดและฝ่ายปกครอง นำที่กั้นและกระสอบมาขวางทางน้ำ ปิดกันให้กระแสน้ำชะลอตัว เพื่อให้นักดำน้ำค้นหาอีกครั้ง
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. กระแสน้ำได้ชะลอตัวลง ทางเจ้าหน้าที่นักดำน้ำจึงตัดสินใจลงไปยังบริเวณจุดตกในท่อฝั่งขวา ซึ่งท่อระบายน้ำมีขนาดใหญ่ กว้าง 2 เมตร สูง 2 เมตร ซึ่งนักดำน้ำได้ดำไปถึงท่อระบายน้ำของอีกฝั่งถนน แต่ก็ไม่พบร่างของนักศึกษาชายแต่อย่างใด
จนเมื่อเริ่มรอบที่ 2 ทางเจ้าหน้าที่ตัดสินใจดำน้ำฝั่งทางซ้าย ที่คาดว่าอาจจะมีเศษขยะที่ขวางทางและอาจจะพบร่าง ซึ่งดำลงไปแล้วก็พบว่าทางน้ำไม่มีอะไรขวางทางเลย ซึ่งเป็นท่อระบายน้ำโล่ง ๆ และคิดว่าร่างของหนุ่ม ปวส. อาจไหลไปอีกช่องทางของท่อระบายน้ำ จึงตัดสินใจหยุดภารกิจ ซึ่งรวมเวลาค้นหาตั้งแต่ 04.00 น. จนยุติภารกิจในเวลา 24.00 น. รวมแล้วใช้เวลาในการค้นหากว่า 20 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างการค้นหา ชาวบ้านนับร้อยต่างยืนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่
รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า จากการค้นหาในวันนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ยังไม่พบร่างของชายคนดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นทางน้ำ และค้นหาในท่อระบายน้ำลอดถนนทั้ง 2 ช่อง ปรากฎว่ายังไม่มีสิ่งใด ซึ่งได้สรุปและเตรียมการวางแผนไว้ค้นหาต่อ ซึ่งจะเริ่มค้นหาอีกที ตอนเวลา 08.00 น. วันนี้ (24 ธันวาคม) ในแนวข้างถนน ประมาณ 200 กว่าเมตร ซึ่งได้มอบหมายภารกิจที่ได้เตรียมการไว้แล้ว คาดว่าน่าจะค้นหาเจอ เพราะบริเวณปลายน้ำได้กั้นอวนไว้
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3
