ตำรวจยัน คนขับรถเบนท์ลีย์ นายทุนนักการเมือง
ยอมให้ตรวจเลือดวัดแอลกอฮอล์ ชี้ไม่เป่าวัดเพราะเจ็บอก ไม่มีแรงเป่า
ยันผลตรวจจากเลือดชัดเจนกว่า
จากกรณีอุบัติเหตุรถหรูยี่ห้อเบนท์ลีย์ ซิ่งแซงซ้ายชนท้ายรถมิตซูบิชิ
ปาเจโร่ สีดำ ป้ายแดง ที่วิ่งอยู่เลนกลาง
ก่อนถูกรถดับเพลิงชนซ้ำจนพลิกคว่ำล้อชี้ฟ้า เสียหายพังยับทั้ง 3 คัน
โดยพบว่าคนขับเบนท์ลีย์เป็นนักธุรกิจชื่อดัง นายทุนพรรคการเมือง
มีชื่อเป็นกรรมการถึง 7 บริษัท
ขณะที่ตรวจสอบในรถหรูยังพบขวดไวน์วางอยู่ที่เบาะหลัง
แต่กลับไม่มีการเป่าวัดแอลกอฮอล์ในช่วงเกิดเหตุ
อ่านข่าว : แฉ เสี่ยเบนท์ลีย์ พยายามพาสาวสวยที่มาด้วยหนี เจอขวดไวน์ในรถ - ตร. ยังไม่แจ้งข้อหา !
อ่านข่าว : แฉ เสี่ยเบนท์ลีย์ พยายามพาสาวสวยที่มาด้วยหนี เจอขวดไวน์ในรถ - ตร. ยังไม่แจ้งข้อหา !
ล่าสุด (9 มกราคม 2566) ข่าวช่องวัน รายงานว่า พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้าจากเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่าขณะนี้ผู้บาดเจ็บ 8 ราย ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 3 ราย เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อคนขับรถเบนท์ลีย์แล้ว 1 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาท เฉี่ยวชนผู้อื่น เป็นเหตุให้รถผู้อื่นพังเสียหายและทำให้ได้รับบาดเจ็บ
ส่วนข้อหาอื่น ๆ โดยเฉพาะผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์และสารเสพติด ยังต้องรอผลจากโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งรัดผลจากแพทย์ เบื้องต้นคาดว่าจะรู้ผลภายในวันที่ 10 มกราคม
สำหรับไทม์ไลน์การตรวจวัดแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุ พบว่าเกิดเหตุเวลา 00.35 น. พนักงานสอบสวนและกู้ภัยไปถึงจุดเกิดเหตุ ก่อนจะนำตัวคนขับรถเบนท์ลีย์ไปยัง สน.ทางด่วน 1 ทันที ใช้เวลาชั่วโมงเศษ ก่อนส่งไปโรงพยาบาลตำรวจตอนช่วงตี 1 เศษ เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด
ทั้งนี้ ยืนยันว่าคนขับรถเบนท์ลีย์ยินยอมให้ตรวจ แต่เหตุที่ไม่ได้เป่าวัดแอลกอฮอล์ในช่วงเกิดเหตุเลย เพราะเจ้าตัวหน้าอกกระแทกรถ บาดเจ็บ ไม่สามารถเป่าลมได้เต็มแรง พนักงานสอบสวนจึงพิจารณาให้ตรวจเลือด เพราะเครื่องเป่าไม่เสถียร ค่าไม่ชัด โดยขอยืนยันการตรวจเลือดดังกล่าวนั้น แม่นยำและเสถียรมากกว่าการเป่าแน่นอน
ทั้งนี้ หลังการตรวจเลือด พนักงานสอบสวนก็ได้เรียกให้คนขับรถเบนท์ลีย์ กลับมายัง สน.ทางด่วน 1 ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาในวันนั้นทันที และมีการปล่อยตัวชั่วคราวตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนกระแสข่าวที่ว่าทางตำรวจให้ตรวจเลือดช่วงตี 5 นั้น ขอตรวจเวลาที่ชัดเจนจากทางโรงพยาบาลตำรวจอีกครั้ง
จากนี้หากตรวจสอบพบว่าใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป รวมถึงหากพบว่าผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัส ก็ต้องแจ้งข้อหาเพิ่มด้วย
ภาพจาก สํานักข่าวไทย TNAMCOT
ในส่วนของประเด็นที่คนขับรถเบนท์ลีย์พยายามหนีขึ้นแท็กซี่หลังเกิดเหตุนั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบความจริง และเรื่องความรู้ในข้อกฎหมายเรื่องอุบัติเหตุการเฉี่ยวชนนั้น จะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบ โดยเฉพาะเคสหนักที่มีผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิต จะต้องตรวจแอลกอฮอล์ทุกเคส ซึ่งตามกฎหมายหากผู้ขับขี่ไม่ยินยอมให้ตรวจ สันนิษฐานได้ว่าเป็นผู้ขับขี่ที่เมาสุรา







