นอท กองสลากพลัส เข้าพบ DSI แจงปมเงิน 50 ล้าน คือเงินที่ถูกรางวัล ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงิน
อ่านข่าว : DSI ออกหมายเรียก กองสลากพลัส ปมรับเงินกลุ่มขบวนการฟอกเงินหลาย 10 ล้าน !
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ล่าสุด (13 มกราคม 2566) เรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 รายงานว่า นอท
กองสลากพลัส ได้ไปเข้าพบ นายพงษธร อินอำนวย ผู้อำนวยการศูนย์คดียาเสพติด
กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อให้การในฐานะพยานโดย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ได้เรียกนอทเข้ามาสอบถามถึงความสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นคนโอนเงิน 42 ล้านบาท เข้ามาที่กองสลากพลัส เพราะพบว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มค้ายาเสพติด ว่ารู้จักกันอย่างไร รู้จักกันมานานแค่ไหน รวมถึงถามเหตุผลในการโอนเงิน ซึ่งนอทชี้แจงว่า ไม่ได้มีการรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่รู้จักกันผ่านนายหน้ามาอีกทอด และเคยเจอกันเพียงครั้งเดียว ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวได้นำไปดำเนินการทางธุรกิจ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
นอกจากนี้ ยังมีเส้นเงินอีก 39 เส้นทาง จำนวนเงินรวมกว่า 1,100 ล้านบาท ที่พนักงานสอบสวนยังมีข้อสงสัยถึงที่มา ซึ่งทั้ง 39 เส้นทางการเงิน มีการหมุนเวียนเข้ามาตั้งแต่นายนอทเริ่มประกอบธุรกิจขายสลากออนไลน์ ซึ่งพนักงานสอบสวนให้เวลา 2 อาทิตย์ ให้นายนอทรวบรวมเอกสารมาชี้แจง พร้อมยืนยันว่า ตอนนี้นายนอทยังไม่ใช่ผู้ต้องหาหรือเป็นผู้กระทำความผิด
และในวันจันทร์ที่ 16 มกราคมนี้ ดีเอสไอจะเดินทางไปกองสลากพลัส เพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของนายนอท ทั้งที่โกดังจัดเก็บสลากกินแบ่งรัฐบาลประมาณ 170 ล้านใบ ที่ได้มีการขายสลากกินแบ่งเหลือแล้วเก็บไว้
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
หลังจากเข้าชี้แจงกับดีเอสไอ นอทได้ไปแถลงชี้แจงที่บริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์ว่า เงินที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัว ที่ดีเอสไอเรียกไปสอบถามนั้น เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาขบวนการฟอกเงิน มีด้วยกัน 2 ยอด
- ยอดแรก เป็นจำนวนเงิน 42,381,030 บาท
- ยอดที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 11,207,680 บาท
โดยเงินเข้าบัญชีในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ซึ่งเงินทั้ง 2 ก้อน มูลค่ากว่า 50 ล้าน คือเงินของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เนื่องจากตนได้มอบอำนาจให้ นาย อ. (นามสมมติ) ไปขึ้นเงินรางวัล เมื่อนาย อ. นำสลากประมาณหมื่นใบที่ถูกรางวัลต่าง ๆ ไปขึ้นเงินรางวัลแล้ว ก็ได้เช็คจากสำนักงานสลากมาเป็นชื่อ นาย อ. แล้ว นาย อ. ก็โอนเงินให้กับตน ซึ่งสามารถไปตรวจสอบถึงจำนวนเงินเข้าบัญชีและจำนวนเงินที่ออกจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ เท่ากันเป๊ะ
ส่วนสาเหตุที่ไว้ใจให้ นาย อ. ให้นำเช็คไปขึ้นเงิน เพราะต้องการเงินทุนจาก นาย อ. มาลงทุน จึงต้องพิสูจน์ธุรกิจให้นายทุนเห็นและให้เลขาประกบตลอด สุดท้ายหลังจากขึ้นเงินและได้เงินแล้ว นอท และ นาย อ. ได้มาคุยธุรกิจกันอีกครั้ง แต่ไม่สามารถไปด้วยกันได้ เนื่องจากเป้าหมายต่างกัน จึงแยกย้ายกันไป เพราะสิ่งที่นอทต้องการคือเงินกู้เพื่อมาลงทุนธุรกิจ แต่ นาย อ. ต้องการเป็นหุ้นส่วนร่วมทำธุรกิจด้วย โดยไม่ได้เงินของ นาย อ. มาแม้แต่บาทเดียว ทั้งนี้ เคยเจอ นาย อ. แค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบกันอีก จึงไม่ขอพูดในรายระเอียดของ นาย อ. ว่าเป็นใครและถูกดำเนินคดีอย่างไร
เมื่อดีเอสไอเรียกไปเป็นพยานสอบปากคำ นอท ยอมรับว่าตกใจ และยืนยันว่า การหานายทุนกู้เงิน ตนไม่มีความสามารถไปตรวจสอบข้อมูลของใครได้ว่าค้ายาหรือมีการฟอกเงินมาหรือไม่
นอท บอกด้วยว่า ทางดีเอสไอขอตรวจสอบการโอนเงินในบัญชีของตนอีก 39 รายการ มูลค่า 1,030 กว่าล้านบาท ซึ่งตนจะนำไปให้สิ้นเดือนนี้ และวันที่ 16 มกราคมนี้ อธิบดีดีเอสไอจะไปดูคลังสินค้าที่เก็บลอตเตอรี่ 170 ล้านใบ และจะมาดูการทำงานทั้งหมดที่สำนักงานกองสลากพลัส ซึ่งตนก็ยินดี
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเด่นเย็นนี้