ชูวิทย์ เบิกตัว นายสกาย เล่าเป็นฉาก ๆ โดนตำรวจไถเงินค่าบุหรี่ไฟฟ้า โดนไปโดนมา 27,000

          ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดตัว นายสกาย พยานชายชาวสิงคโปร์ เพื่อนดาราสาวชาวไต้หวัน อันยู่ชิง หลังถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านรีดไถเงิน 27,000 บาท ยันไม่ใช่การให้สินบน

          จากกรณี อันยู่ชิง หรือ ชาร์ลีน อัน ดาราสาวชาวไต้หวัน ที่มาเที่ยวเมืองไทยเมื่อช่วงปีใหม่ แต่กลับถูกตำรวจรีดไถเงินจำนวน 27,000 บาท จึงเอาเรื่องนี้มาโพสต์ลงอินสตาแกรมส่วนตัว นำไปสู่การเปิดโปงความฉาว โดยมี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาโพสต์แฉยืนยันว่าตำรวจรีดเงินดาราสาวจริง กลายเป็นเรื่องราวที่ประชาชนรอติดตามว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร

อ่านข่าว : ไล่เรียงต้นจนจบ ดาราไต้หวัน VS ตำรวจไทย จากไถเงินสู่การดิสเครดิตสาว สอบสวนจนจำนน


          ล่าสุด (1 กุมภาพันธ์ 2566) เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เบิกตัว นายสกาย พยานชายชาวสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับดาราสาวชาวไต้หวัน มาร่วมโต๊ะแถลงข่าว โดยเล่าย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในวันที่ 5 มกราคม ที่ผ่านมา ระบุว่า ...

          - หลังจากไปงานวันเกิดเพื่อนเสร็จ พวกตนได้เรียกแกร็บไปส่งที่ห้วยขวาง เพื่อที่จะไปกินเหล้าต่อชิล ๆ ก่อนจะเจอตำรวจเรียกมาตรวจตามตัวและมีการให้ถอดรองเท้าด้วย ซึ่งตำรวจก็ได้เก็บบุหรี่ไฟฟ้าไป

          - จากนั้นตำรวจได้ขอตรวจสอบพาสปอร์ต ซึ่งนายสกายไม่ได้เอามา แต่มีเอกสารอยู่ในมือถือ ตำรวจบอกว่าไม่ได้ ขอพาสปอร์ตจริง


          - ตำรวจมีการสอบถามว่ามาทำอะไรที่ไทย ชาร์ลีนพยายามจะเอามือถือมาถ่ายรูป แต่ตำรวจไม่ให้ถ่าย ทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่

          - ตำรวจแจ้งกับสกายและเพื่อน ๆ ว่ามีความผิดเรื่องบุหรี่ไฟฟ้ากับไม่พกพาสสปอร์ต ต้องไปสถานีตำรวจ สกายก็บอกไม่ไป เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ตำรวจบอกว่าอย่าเถียง

          - ตำรวจถามว่ารู้ไหมกฎหมายไทยคืออะไร ซึ่งเรื่องวีซ่า สกายไม่ยอม เพราะเพิ่งมาไทยยังไม่ถึง 2 อาทิตย์ ถ้ามาเกิน 2 อาทิตย์แล้วต้องทำวีซ่าตนเข้าใจได้ ส่วนเรื่องที่ตำรวจบอกว่าบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย แล้วทำไมที่ตลาดห้วยขวางถึงขายได้ ไม่มีใครบอกตนว่าผิดกฎหมาย กัญชายังถูกกฎหมาย ทำไมบุหรี่ไฟฟ้าถึงผิดกฎหมาย ตอนนั้นเจ้าหน้าที่เริ่มมีทีท่าทีโมโห และบอกว่าถ้าอย่างนั้นต้องไปสถานีตำรวจและจะต้องติดคุก 2 วัน


          - จากนั้นก็มีตำรวจมารุม 3-4 คน แจ้งว่าทำผิดกฎหมาย ขู่จะให้จ่ายเงิน มีการไปคุยกับตำรวจที่ดูเหมือนจะยศใหญ่กว่า แต่ไม่ได้ใส่ยูนิฟอร์ม โดยคิดเป็นบุหรี่ไฟฟ้า 8,000 บาท ต่อ 1 อัน ซึ่งตอนนั้นมี 3 อัน จึงเป็น 24,000 บาท และค่าพาสปอร์ตอีกรวมเป็น 27,000 บาท จากเงิน 30,000 บาท ที่สกายพกไปก็เหลือให้ใช้แค่ 3,000 บาท ซึ่งเรื่องเงินสกายไม่ได้บอกตำรวจว่ามีเท่าไร ต้องแอบเก็บไว้ใช้ เพราะวันรุ่งขึ้นจะต้องเดินทางกลับสิงคโปร์ ซึ่งตอนให้เงิน ตำรวจก็ให้สกายกับเพื่อนบังกล้องไว้ ทำเอาชูวิทย์ถึงกับลั่นว่า "แม่-ระยำจริง"

          - ตำรวจก็ให้ถ่ายรูป สกาย ยอมรับว่า ตอนนั้นเครียดมาก อยากกลับเร็ว ๆ ไม่อยากอยู่ต่อ ตนไม่มีทางเลือกจึงต้องให้เงินไป ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งถ้าเจอกันต่อหน้า สกายก็จำหน้าตำรวจได้ ซึ่งชูวิทย์กล่าวเสริมว่า นี่ไม่ใช่การให้สินบน แต่เป็นเพราะในสถานการณ์นั้นพวกของสกายโดนตำรวจขู่อยู่ เขาไม่มีทางเลือก

ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้