เปิดใจน้องชายช่วยเหลือพี่โดนลูกวางยาสลบหมู 2 ปี
เผยสาเหตุสำคัญ ทำไมปล่อยให้เรื่องเกิด 2 ปีแล้วถึงช่วยได้
เพราะลูกเล่นละครเนียนมาก ถ่ายรูปลงโซเชียลหลังอาบน้ำ
จนทุกคนคิดว่าไม่เป็นอะไร
ภาพจาก เฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว 2
จากกรณีที่มีการแฉเหตุสะเทือนใจสังคม เมื่อพ่อแม่ถูกลูกชายกับลูกสะใภ้ จับขังในบ้านนานกว่า 2 ปี วางยาสลบหมูเพื่อไม่ให้มีสติสัมปชัญญะ ก่อนที่จะยึดอำนาจเป็นผู้จัดการมรดก ถ่ายโอนทรัพย์สินไปกว่า 65 ล้านบาท เมื่อพ่อหนีออกมาได้ ก็รู้ว่าแม่ผูกคอตาย ซึ่งพ่อก็คาใจ คิดว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง
อ่านข่าว : ชีวิตยิ่งกว่าละคร พ่อแม่ถูกลูกชาย-สะใภ้ วางยาสลบหมูขัง 2 ปี ฮุบเงิน 65 ล้าน หนีมาได้ยิ่งช้ำ
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
ล่าสุด วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า น้องชายและหลานสาวนายเอ (นามสมมติ) ชายผู้ถูกขัง เปิดเผยถึงช่วงที่ช่วยเหลือพี่ชายกับพี่สะใภ้ นำตัวส่งโรงพยาบาลว่า เมื่อ 2 ปีก่อนทั้งคู่ถูกขังไว้ที่ชั้น 2 ของบ้าน สภาพมีอาการสับสน พี่สะใภ้ลิ้นแข็ง ที่ปากมีคราบบางอย่างเปื้อน จึงได้อุ้มทั้งคู่ไปที่โรงพยาบาล แต่ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงค่ำ หมอจึงตรวจอาการแค่เบื้องต้น และรอพบหมอที่ตรวจละเอียดในช่วงเช้าวันถัดไป จากนั้นหลานชายก็มาอ้างสิทธิตามกฎหมายขอรับพ่อแม่ออกจากโรงพยาบาลคืนนั้นทันที
ตนพยายามขอร้องให้ทั้งคู่นอนโรงพยาบาลพักฟื้น แต่ไม่เป็นผล ลูกชายได้นำพี่ชายกับพี่สะใภ้ไปยังบ้านพ่อแม่หลานสะใภ้ แล้วก็ไม่พบหน้าทั้งคู่อีกเลย ตนพยายามสอบถามอาการป่วยมาตลอด แต่ทั้งคู่ก็มีร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพดี พอตนขอพบหน้า ก็ถูกปฏิเสธ
ในตอนแรก ไม่รู้ว่าทั้งคู่ถูกวางยา เพราะหลานมักโพสต์ภาพทั้งคู่ลงในโซเชียล สภาพอยู่ดีกินดีหลังจากอาบน้ำแต่งตัวให้ จึงไม่เอะใจอะไร
สาเหตุการป่วยนั้น เชื่อว่าไม่ใช่โรคอัลไซเมอร์แน่นอน เพราะโรคอัลไซเมอร์ใช้เวลา แต่นี่วันสองวันกินแล้วอ้วกตลอด ไม่สามารถกินข้าวได้ ตนเชื่อว่าถูกวางยาแน่นอน
ด้านตำรวจจะติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด และเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวน คดีมีความคืบหน้าไปบางส่วนแล้ว
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นายเอก็มีการไกล่เกลี่ยขอเงิน 10 ล้านจากลูกชาย แต่ลูกชายไม่ให้ และเมื่อหลุดพ้นมาได้ กำลังยื่นคำร้องต่อศาลให้กลับมาเป็นบุคคลปกติ เพราะถูกวางยา หลังจากที่ลูกชายเคยทำเรื่องเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ขอเป็นผู้จัดการมรดก
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์, ข่าวช่องวัน