x close

กราดยิงโคราช ก้าวไกลแฉหลักฐานโจรในเครื่องแบบ ทบ. ปล่อยโกงจนเกิดเหตุ จบที่สั่งขัง 7 วัน

 
           ส.ส.ก้าวไกล แฉปมโกงการบ้านทหาร เปิดหลักฐาน แชตไลน์ สลิปหักหัวคิว พบผู้ใหญ่ ทบ. รู้แต่นิ่งเฉย ก่อนเกิดเหตุกราดยิงโคราช สรุปจบที่ขัง 7 วัน ลั่นต้องไล่ 3 ป. เพื่อปฏิรูปกองทัพ

           วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายต่อที่ประชุมสภา ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยอภิปรายในหัวข้อ "ปิดคดี กราดยิงโคราช จับโจรในคราบทหาร ทำนาบนหลังกำลังพล" กล่าวถึงการทุจริตของกองทัพจนเป็นต้นเหตุไปสู่ความสูญเสียเมื่อปี 2563 โดยที่ต้นตอของเรื่องนี้ยังคงลอยนวล

           กรณีนี้เริ่มจากเรื่องการโกงบ้านทหาร โครงการบ้านทหารของกรมสวัสดิการทหารบก โดยผู้ประกอบการขายบ้านรายใดที่จะเข้าร่วมกับโครงการนี้ ก็จะต้องได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการทหารบก ขั้นตอนการกู้ ทหารต้องขออนุมัติจากผู้บังคับบัญชาในหน่วยที่สังกัด เพื่อตรวจสอบสถานะการเงิน หนี้สิน เมื่ออนุมัติแล้วก็เอาไปยื่นกรมสวัสดิการฯ เพื่อเข้าสู่กระบวนการอนุมัติขอกู้ มีกรรมการมาตรวจหลักทรัพย์มาพิจารณาว่าบ้านที่จะซื้อมีมูลค่าเทียบเท่าเงินที่กู้หรือไม่

           จากขั้นตอนดังกล่าว กลายเป็นช่องทางหากินของนายทหารที่มีตำแหน่งเกี่ยวข้อง 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1. เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ยศ พลตรี 2. ผอ.กองการออมทรัพย์ ยศ พันเอกพิเศษ และ 3. ตำแหน่งที่น่าจะเป็นจุดรวมเงินหัวคิวทั้งหมดเอาไว้ก่อนแจกจ่ายต่อ คือ เสธ. เงินกู้ ยศพันโท  และมีมือมืดยศทหารทั่วไป ทำหน้าที่เก็บค่าธรรมเนียม 5% และเงินค่าส่วนต่าง โดยผู้ประกอบการบ้านต้องจ่ายเงินส่วนต่างค่าบ้าน โดยการประเมินราคาบ้านสูงกว่าความเป็นจริงมาก ๆ เพื่อให้ผู้กู้ได้ส่วนต่างเยอะ ๆ เงินทอนส่วนต่างนี้จะมากน้อยเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับตกลงกับผู้ประกอบการ

กราดยิงโคราช

โป๊ะแตกหนัก จ่ารับหน้าที่ไปเอาเช็คเข้าบัญชี เงินหมุนทีเป็นพันล้าน กระจายไปให้กับนาย


           ภายหลังประเด็นนี้ถูกตีแผ่และเข้าสู่คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง เจ้ากรมสวัสดิการทหารบกมาชี้แจง ยืนยันว่ากำลังพลต้องไปรับเช็คด้วยตัวเองที่กรมสวัสดิการฯ ทุกใบ แต่หลักฐานการรับเช็คเงินสด พรรคก้าวไกลได้รับข้อมูลจากผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง 2 รายว่า ชื่อจ่า ส. เป็นเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการทหารบก ทำหน้าที่ในการปลอมลายเซ็น รับเช็คเงินสดแทนกำลังพลในปี 2554-2563 รวมแล้ว 620 รายการ มูลค่า 812 ล้านบาท

           วิธีการคือ จ่า ส. จะนำเงินเข้าบัญชีของตัวเองก่อน จากนั้นจะโอนต่อไปให้ผู้ประกอบการขายบ้านโดยไม่ให้กำลังพลได้รับเงินกู้ด้วยตนเอง จากนั้นผู้ประกอบการขายบ้านต้องโอนเงินไป 5% ไปให้มือมืดคนที่ 2 ชื่อ จ่า ธ. ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลแฟ้มผู้ประกอบการทั้งหมด จะโอนเงินต่อไปให้นาย โดยมีการผลัดกันเป็นหัวหน้าที่มีตำแหน่ง เสธ. ที่ดูแล 3 คน โดยที่จำนวนเงินเหล่านั้น ไม่ได้จบที่หัวหน้า เสธ. แน่นอน ซึ่งมองว่าตำแหน่งนี้คือเด็กเดินบัญชีให้กับแก๊งผู้ใหญ่ในกองทัพ

           นายปดิพัทธ์ ยังได้นำหลักฐาน เป็นสมุดบัญชีออมทรัพย์ของ จ่า ส. พร้อมแชตไลน์ที่คุยกับผู้ประกอบการชื่อ ก้อย มาเปิดเผยให้เห็นถึงกระบวนการทุจริต ชี้ว่าหากไล่ดูบัญชีในช่วงต่าง ๆ จะพบสิ่งที่น่าผิดสังเกต ว่านายทหารยศจ่าคนหนึ่งในกองทัพบก มีเงินเดินในบัญชีสูงถึงหลักแสนหรือล้านบาทในแต่ละวัน พร้อมกับการส่งสลิปผ่านทางแชตไลน์ และยังมีภาพของกระดาษจด ที่แจกแจงรายละเอียดค่าต่าง ๆ ที่ต้องจ่าย

กราดยิงโคราช

ข้อบ่งชี้ เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก อาจมีส่วนเกี่ยวทุจริต - ป้าอนงค์โกงเอง เจรจาไม่เป็นผล จบที่กราดยิง


            กระบวนการดังกล่าว แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เสธ.เงินกู้ มาถึง 3 คน ตลอด 9 ปี แต่ระบบก็ยังคงอยู่ อาจเป็นข้อบ่งชี้ให้เห็นด้วยว่าเจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีหลักฐานคนในระดับที่ใหญ่กว่า เสธ. ก็อาจมีการเรียกรับเงิน เป็นสลิปในแชตไลน์ ที่ พล.ต. ว ในขณะนั้นเป็นรองเจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ก็ได้รับเงินจาก จ่า ธ. เป็นยอด 100,000 บาท ซึ่งคาดได้ว่าน่าจะเป็นเงินเก็บค่าผ่านงานจากผู้ประกอบการ

            แต่สาเหตุที่ทำไปสู่โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช มาจากผู้ประกอบการรายหนึ่ง คือ ป้าอนงค์ แม่ยายของนายทหารที่มีอำนาจอนุมัติให้กู้ ซึ่งเป็นผู้มีความสนิทสนมกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน มีบารมี ถึงขั้นทำตัวเป็นนายหน้า เอาบ้านในโครงการของ ก้อย ไปเสนอขายให้กับกำลังพลหลายคน แล้วยักยอกเงินส่วนต่างของกำลังพลเหล่านั้นเข้าตัวเอง

            25 วันก่อนเกิดเหตุ มีการร้องเรียนเรื่องนี้เกิดขึ้น แต่ก็มีความพยายามนัดพูดคุยให้เรื่องจบภายในห้องที่กรมสวัสดิการทหารบก ซึ่งมีการอัดคลิปเสียงมาเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่า มีการอมเงินค่าส่วนต่างจริง มีบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องและรับรู้ ทั้ง เสธ.เงินกู้ ไปจนถึง พล.ต. ว. ซึ่งเป็นหลักฐานว่าได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งหากกองทัพบกหยิบแฟ้มงานของป้าอนงค์มาดู ก็จะเห็นได้ว่ามีการโกงค่าส่วนต่างกำลังพลรายใดบ้าง และก็จะได้เห็นชื่อของจ่าคลั่ง เป็นหนึ่งในรายชื่อเหล่านั้น แต่เมื่อกองทัพบกไม่ได้ดำเนินการใด ๆ จึงนำไปสู่โศกนาฏกรรมดังกล่าว

ผู้ประกอบการขาดทุน 50 ล้าน โดนเจรจายอมความจ่าย 15 ล้าน ถูกตามคุกคามหลายครั้ง


            นอกจากนี้ หลังจากแชตที่เกิดขึ้นในวันที่มีเหตุกราดยิงโคราช แสดงให้เห็นว่ามีการรับรู้ถึงกระบวนการอมเงินส่วนต่างค่าบ้านมานาน เป็นเวลาเกือบเดือน แต่ไม่มีใครทำอะไรทั้งสิ้น ถึงขั้นที่ พล.ต. ว. พิมพ์แชต บอกกับก้อย ว่า "เริ่มเป็นไปตามขั้นตอนที่หนูคิดไว้" และ "ถ้าเชื่อหนูสักนิด คงไม่บานปลายขนาดนี้" รวมทั้ง "คนอื่นคงไม่ต้องเดือดร้อนไปด้วย" เป็นต้น

            หลังเกิดเหตุการณ์ ผบ.ทบ. ได้ออกมาสั่งการให้ยกเลิกโครงการบ้านพักทิ้งไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการขาดทุนเป็นหนี้กันหลายราย รวมถึง ก้อย ที่เอาเรื่องการทุจริตไปร้องเรียนต่อ แต่แทนที่จะแก้ไขปัญหา กลับมีความพยายามไกล่เกลี่ยให้จบเรื่อง มีหลักฐานเป็นบันทึกเสียงสนทนา ที่ทำให้เห็นได้ชัด ว่า ผบ.ทบ. ในเวลานั้น คือ พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ รู้แล้วว่า เสธ. ส. รับสินบนจริง แต่ก็ยังเลือกที่จะส่งคนมาเจรจาให้จบเรื่องไม่เอาความ โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้กองทัพเสื่อมเสียชื่อเสียง

            ส่งผลให้ผู้ประกอบการ ก้อย ต้องไปเจรจาไกล่เกลี่ยที่กรมการสารวัตรทหารบก มีการนำเงิน 15 ล้านบาท เตรียมจะมามอบให้ก้อยเพื่อจบเรื่อง แลกกับการเซ็นยอมความว่าเป็นการเข้าใจผิดและไม่ดำเนินการทางกฎหมายหรือทางวินัย แต่ด้วยความที่ก้อยขาดทุนไปถึง 50 กว่าล้านบาท จึงไม่ยินยอม และดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรมต่อ นำไปสู่การถูกตามคุกคามหลายครั้ง


ลงโทษคนผิด ด้วยการกักขัง 7 วัน งดโบนัสครึ่งปี แม้ความผิดโกงแหลกหลักร้อยล้าน


            สุดท้ายผลการสอบสวนกลับตัดสินออกมาเพียงให้ พล.ต. ว. ได้รับโทษงดบำเหน็จปี 2565 ครึ่งปีหลัง และเตรียมโยกย้ายออกจากตำแหน่งตามวงรอบ ขณะที่ เสธ. ส. ซึ่งเป็น เสธ. เงินกู้ที่ได้เงินไปหลายร้อยล้านบาท ก็ถูกลงโทษฐานผิดวินัยทหารเพียงให้กัก 7 วัน และงดโบนัสครึ่งปี

            นายปดิพัทธ์ ระบุว่า หนึ่งในคนที่ปล่อยให้ประเพณีการทุจริตฝังรากลึกอยู่ในกองทัพตลอด 8 ปีที่ผ่านมา หนีไม่พ้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นอกจากจะไม่ติดตามเรื่องนี้แล้ว ยังบอกด้วยว่าเป็น เรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้นในทุกองค์กร หากปล่อยไว้จะทำให้มีโอกาสเกิดเหตุการณ์อย่างจ่าคลั่งอีกที่ไหนก็ได้ ซึ่งตนมองว่าการปฏิรูปกองทัพ หรือ ตำรวจ จะไม่สามารถเกิดขึ้น ตราบใดที่ 3 ป. ยังอยู่ จึงอยากให้ทหารและประชาชนลงคะแนนเลือกตั้งครั้งนี้ให้ถล่มทลายเพื่อเอา 3 ป. ออกไป เปิดประตูสู่การปฏิรูปกองทัพอย่างแท้จริง เอาคนผิดมาเข้ากระบวนยุติธรรมและรับโทษให้สาสมให้ได้


ขอบคุณข้อมูลจาก พรรคก้าวไกล

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กราดยิงโคราช ก้าวไกลแฉหลักฐานโจรในเครื่องแบบ ทบ. ปล่อยโกงจนเกิดเหตุ จบที่สั่งขัง 7 วัน อัปเดตล่าสุด 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 16:17:58 9,351 อ่าน
TOP