มูลนิธิกระจกเงา เสียงสะท้อนถึงกรณี น้องต่อ เด็ก 8 เดือนหาย หวั่นคนรอบตัวน้องตายทั้งเป็น แม้มีชีวิตรอดกลับไป แต่บ้านอาจไม่เหมือนเดิม
ครบรอบ 2 สัปดาห์ที่ น้องต่อ เด็กวัย 8 เดือน หายตัวไปปริศนาขณะนอนอยู่ข้าง ๆ แม่ในบ้าน ซึ่งแม้จะมีพยานออกมาให้ข้อมูลบางส่วน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าใครมีแรงจูงใจที่แน่ชัดใจการก่อเหตุลักพาตัวน้องไป
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ร่วมประกาศตามหา น้องต่อ รวมทั้งสรุปเบาะแสในการติดตามตัวน้องตลอดช่วงที่ผ่านมา ได้โพสต์บทความหัวข้อ "ผมชื่อน้องต่อ" เป็นเสียงสะท้อนที่อยากพูดถึงคดีที่เกิดขึ้น หลังจากคดีนี้ถูกให้ความสนใจไปในเชิงที่มีผลกระทบต่อครอบครัวของเด็กในอนาคต โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า
"ไม่ว่าผมจะมีลมหายใจหรือจากโลกใบนี้ไปแล้วก็ตาม เรื่องราวของผมและคนรอบตัวผมกำลังถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ โลกที่ผมสงสัยว่า พวกเขาห่วงใยผมจริง ๆ หรือไม่
ผมมีพ่อตามชื่อในเอกสารราชการ แต่มีคนประกาศให้โลกรู้ว่าพ่อไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของผม ผมอาจไม่อยากรับรู้เรื่องนี้จากคนอื่น ผมควรรับรู้เพียงในครอบครัวของผม และในเวลาที่เหมาะสม นั่นคือสิทธิพื้นฐานที่ผมควรได้รับจากคนที่ทำตัวเหมือนห่วงใยผม
ไม่ว่าผมจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่คนรอบตัวผมได้ตายทั้งเป็นไปแล้ว ตายจากคำดูหมิ่นดูแคลน ตายจากความยุแยงให้เกลียดชังกัน สุดท้ายแล้วทุกคนจะกลับไปนอนที่บ้าน ส่วนบ้านของผมนั้น…อาจเป็นบ้านที่ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิม
แม่ผมอาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยถึงการหายตัวไปของผม หรือมีใครอื่นพาผมออกจากบ้านไป นั่นเป็นสิ่งที่ผมก็บอกไม่ได้ ผมรู้เพียงว่า เด็กหญิงอายุเพียง 17 ปี ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตด้วยวัยเพียงเท่านี้คือ แม่ที่คลอดและเลี้ยงผมมา 8 เดือนเต็ม และคือเด็กสาวที่ถูกพิพากษาในทุกการกระทำแต่กลับไม่มีใครมองว่า แม่ผมถูกใครกระทำต่อชีวิตมาบ้าง
ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยตามหาผมด้วยความเป็นห่วง ถ้าผมยังมีชีวิตรอดกลับไป ให้คิดเสมือนว่าผมคือลูกของคุณ คือ เด็กคนหนึ่ง ที่ต้องเติบโตต่อไปบนโลกใบนี้"
ครบรอบ 2 สัปดาห์ที่ น้องต่อ เด็กวัย 8 เดือน หายตัวไปปริศนาขณะนอนอยู่ข้าง ๆ แม่ในบ้าน ซึ่งแม้จะมีพยานออกมาให้ข้อมูลบางส่วน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าใครมีแรงจูงใจที่แน่ชัดใจการก่อเหตุลักพาตัวน้องไป
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ร่วมประกาศตามหา น้องต่อ รวมทั้งสรุปเบาะแสในการติดตามตัวน้องตลอดช่วงที่ผ่านมา ได้โพสต์บทความหัวข้อ "ผมชื่อน้องต่อ" เป็นเสียงสะท้อนที่อยากพูดถึงคดีที่เกิดขึ้น หลังจากคดีนี้ถูกให้ความสนใจไปในเชิงที่มีผลกระทบต่อครอบครัวของเด็กในอนาคต โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า
"ไม่ว่าผมจะมีลมหายใจหรือจากโลกใบนี้ไปแล้วก็ตาม เรื่องราวของผมและคนรอบตัวผมกำลังถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ โลกที่ผมสงสัยว่า พวกเขาห่วงใยผมจริง ๆ หรือไม่
ผมมีพ่อตามชื่อในเอกสารราชการ แต่มีคนประกาศให้โลกรู้ว่าพ่อไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของผม ผมอาจไม่อยากรับรู้เรื่องนี้จากคนอื่น ผมควรรับรู้เพียงในครอบครัวของผม และในเวลาที่เหมาะสม นั่นคือสิทธิพื้นฐานที่ผมควรได้รับจากคนที่ทำตัวเหมือนห่วงใยผม
ไม่ว่าผมจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่คนรอบตัวผมได้ตายทั้งเป็นไปแล้ว ตายจากคำดูหมิ่นดูแคลน ตายจากความยุแยงให้เกลียดชังกัน สุดท้ายแล้วทุกคนจะกลับไปนอนที่บ้าน ส่วนบ้านของผมนั้น…อาจเป็นบ้านที่ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิม
แม่ผมอาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยถึงการหายตัวไปของผม หรือมีใครอื่นพาผมออกจากบ้านไป นั่นเป็นสิ่งที่ผมก็บอกไม่ได้ ผมรู้เพียงว่า เด็กหญิงอายุเพียง 17 ปี ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตด้วยวัยเพียงเท่านี้คือ แม่ที่คลอดและเลี้ยงผมมา 8 เดือนเต็ม และคือเด็กสาวที่ถูกพิพากษาในทุกการกระทำแต่กลับไม่มีใครมองว่า แม่ผมถูกใครกระทำต่อชีวิตมาบ้าง
ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยตามหาผมด้วยความเป็นห่วง ถ้าผมยังมีชีวิตรอดกลับไป ให้คิดเสมือนว่าผมคือลูกของคุณ คือ เด็กคนหนึ่ง ที่ต้องเติบโตต่อไปบนโลกใบนี้"