
เที่ยวบินระทึก ! หนุ่มคลั่ง ขู่จะฆ่าคนยกลำ - แทงคอลูกเรือ หลังจะเปิดประตูฉุกเฉิน ลั่นรู้ดีแก่ใจว่าคนจะตายถ้าเปิดประตู แถมตะโกนท้าปืน
วันที่ 7 มีนาคม 2566 เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานคลิประทึกจากเหตุการณ์ผู้โดยสารคลั่ง พยายามเปิดประตูฉุกเฉินและทำร้ายลูกเรือของเครื่องบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน 2609 ซึ่งเดินทางจากลอสแอนเจลิส มุ่งหน้าไปบอสตัน สหรัฐฯ โดยคนร้ายพยายามใช้ช้อนเหล็กแทงเข้าที่คอของลูกเรือ และยังข่มขู่จะก่อเหตุฆ่ายกลำ
โดยในคลิปที่ผู้โดยสารคนอื่นบันทึกไว้ได้ เผยให้เห็น ฟรานซิสโก เซเวโร ตอร์เรส ชายวัย 33 ปี จากรัฐแมตซาซูเซตส์ กำลังส่งเสียงโวยวายจากที่นั่งของตัวเอง บอกว่า "แล้วพวกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิที่มีปืน ไปไหนกันล่ะ ฉันรอเจ้าพวกนั้นจ่อปืนมาหาฉัน จะได้โชว์ให้ทุก ๆ คนได้เห็นว่าฉันตายยังไงในคลิป ตอนรับกระสุนทุกนัด และฉันก็จะฆ่าทุก ๆ คนบนเครื่องบินลำนี้"
จากนั้นเขาก็เหวี่ยงช้อนโลหะในมือและจะพุ่งไปยังห้องนักบิน ก่อนจะก็ใช้ช้อนโลหะเป็นอาวุธแทงเข้าที่คอของลูกเรือชาย ซึ่งยืนขวางทางเขาอยู่
จังหวะนั้นเองที่ลูกเรือกับผู้โดยสารคนอื่น ๆ รีบวิ่งไปตะครุบตอร์เรสจากด้านหลัง ทำให้ควบคุมตัวเขาไว้ได้ในที่สุด
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเที่ยวบินนี้ออกเดินทาง ในวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งตลอดการเดินทางทุกอย่างดูปกติดี จนกระทั่ง 45 นาทีก่อนเครื่องลงจอด ลูกเรือคนหนึ่งจึงสังเกตว่าประตูฉุกเฉินที่อยู่ระหว่างชั้นเฟิร์สคลาสกับชั้นประหยัด ถูก disarmed และอุปกรณ์ล็อกถูกเลื่อนไปจากตำแหน่งเดิม
มีลูกเรืออีกคนสังเกตเห็นตอร์เรสตอนอยู่ใกล้ ๆ ประตูฉุกเฉินนี้ จึงเชื่อว่าเขาน่าจะเป็นคนทำ แต่เมื่อลูกเรือไปสอบถาม ตอร์เรสได้สวนกลับว่า มีกล้องตัวไหนเห็นตอนที่เขาไปยุ่งกับประตูหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตอร์เรสยอมรับในเวลาต่อมา ว่าเขาไปเข้าห้องน้ำบนเครื่องบินและหักช้อนโลหะเป็น 2 ท่อน เพื่อจะใช้เป็นอาวุธ จากนั้นก็พยายามจะปลดล็อกเพื่อเปิดประตูทางออกฉุกเฉิน แต่ทำไม่สำเร็จ โดยเขารู้ดีอยู่แล้วว่าการเปิดประตูนี้จะทำให้คนจำนวนมากต้องเสียชีวิต
สุดท้ายเที่ยวบินดังกล่าวก็สามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย ขณะที่ตอร์เรสถูกจับกุม พร้อมตั้งข้อหา แทรกแซงและพยายามแทรกแซงการทำงานของลูกเรือด้วยอาวุธที่เป็นอันตราย ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ภาพจาก Joni Hanebutt / Shutterstock.com (ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล)
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลี่เมล






