เพจดังฉะเหตุผลใหญ่ ทำไมคนสงสัยทนายตั้มรวยผิดปกติ - ซื้อคฤหาสน์หรู 60 ล้าน

          ทนายอั๋น บุกร้องดีเอสไอให้ตรวจสอบสถานะทนายตั้ม หลังสงสัยว่ารวยผิดปกติ ทั้งที่เป็นแค่ทนายความ ด้านเพจดังก็ฉะหนัก หลังจากนี้รอฟังข่าวใหญ่ ชี้ สิ่งที่คนสงสัยทนายรวยเกิน เป็นเพราะภรรยาโพสต์เอง


          วันที่ 5 เมษายน 2566 เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นหนังสือร้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ตรวจสอบสถานะทางการเงินของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม

          นายภัทรพงศ์ เปิดเผยว่า วันนี้ที่มายื่นหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินทนายตั้ม เพราะมีความพยายามทำตัวเป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ และจากข่าวที่ผ่านมา ทนายตั้มเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดของสังคมด้วย ส่วนบริษัทของทนายตั้ม มีกำไรขาดทุนสะสม 4 ปี บวกลบ 4 แสนบาท แต่การใช้ชีวิตของเขาช่างสวนทาง มีแบรนด์เนมใช้ ทำตัวไฮโซยิ่งกว่านายพานทองแท้ ชินวัตร นับว่าเป็นรายจ่ายที่ไม่สอดคล้องกับรายได้


          ส่วนตัวอย่างทรัพย์สินที่เกินรายได้ ทั้งที่บริษัทขาดทุนก็มี ซื้อคฤหาสน์ 60 ล้านบาท, ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมหลักหลายล้านบาทที่ต่างประเทศ, มีรถหรูหลายคัน, นาฬิกายี่ห้อดังหลายล้านบาท เป็นต้น จึงเกิดข้อสงสัยว่า นายษิทรามีทรัพย์สินจากช่องทางอื่นหรือไม่ นอกเหนือรายได้จากบริษัท และการแสดงงบรายได้ รายจ่ายบริษัท ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ เพราะลำพังอาชีพทนายความ ไม่น่าจะมีทรัพย์สินการใช้ชีวิตแบบนี้ได้

          ดังนั้น จากข้อสงสัยของสังคม จึงเห็นว่าควรมีมาตรการตรวจสอบสถานะทางการเงินบริษัทษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด และถ้าผลการตรวจสอบออกมาพบว่าสุจริต ย่อมถือว่าเป็นผลดีต่อนายษิทราเอง แต่ถ้าออกมาเป็นทุจริต ย่อมเกิดผลกระทบและเสียหายต่อสังคม และอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายฟอกเงินได้

          ส่วนการตรวจสอบสถานะทางการเงิน ควรตรวจสอบช่วงเวลาไหน เรื่องนี้ต้องถามว่า เขารวยตั้งแต่ปีไหน ถ้าตั้งแต่ช่วงคดีกกกอกก็ดีเหมือนกัน ตนจะได้ดูว่าสถานะทางการเงินเขาเปลี่ยนแปลงอย่างไร ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ เรื่องการถูกขุดกลับ ตนไม่กลัว ยินดีให้ขุด เพราะอยากดูอดีตของตัวเองบ้าง บางทีตนอาจลืมอดีตตัวเอง


ชี้ ค่าเสี่ยงภัย 3 แสนบาท ผิดมรรยาททนายความ

          สำหรับกรณีที่ ทนายเคยบอกว่า เรียกรับเงิน 3 แสนบาท เป็นค่าเสี่ยงภัยในการแถลงข่าว เนื่องจากเสี่ยงถูกฟ้องนั้น ทนายอั๋น กล่าวว่า การที่ทนายตั้มบอกแบบนี้ แสดงว่า สิ่งที่ทนายตั้มทำนั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หรือทนายกำลังนำลูกความไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือ ? ถึงต้องเสี่ยงภัย เพราะตนยังแถลงข่าวโดยไม่ต้องเกรงกลัว หากเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย ยิ่งเรียกรับเงินเช่นนี้ จะเข้าข่ายผิดมรรยาททนายความหรือไม่

          ส่วนสลิปโอนเงิน 5 แสนบาท ที่มีกระแสข่าวว่า แฟนคลับนายไชยพล วิภา หรือลุงพล โอนมาให้จากต่างประเทศ จากหลักฐานที่ตนมี ประกอบกับลุงพลที่ออกมายอมรับ ยืนยันได้ว่า แฟนคลับลุงพลมีการโอนเงินจริง จากตอนแรก 3 ล้านบาท ต่อรองเหลือ 2 ล้านบาท และเงิน 5 แสนบาท ก็เป็นค่าใช้จ่ายให้ทนายษิทราเดินทางลงพื้นที่บ้านกกกอก


เพจดัง ตั้งข้อสงสัยทนายตั้ม รวยจากไหน

          เฟซบุ๊ก เพจกูอิแฉ คัมแบ็ก V1 มีการโพสต์ตั้งข้อสงสัยถึงทนายตั้มเช่นกัน ยอมรับว่า ไม่ได้แปลกใจในความรวย แต่สงสัยในความรวยเร็วมากกว่า เพราะสิ่งของที่ทนายตั้มซื้อมานั่น มันหรูมาก เช่น เสื้อตัวละแสน รถปอร์เช่ การส่งลูกเรียนต่างประเทศ แต่ที่ไม่เป็นเรื่องเป็นราวเพราะมีตำรวจใหญ่รายหนึ่งสนิทกับทนาย แต่คาดว่า อีกไม่นานนี้อาจจะมีข่าวใหญ่

          การที่ทนายมีของแบรนด์เนม ไปเที่ยวต่างประเทศ ซื้อบ้านหลายสิบล้าน คนรู้ได้เพราะภรรยาทนายเป็นคนโพสต์ลงเอง มีการช้อปปิ้งของหรูหลักล้านที่ฝรั่งเศส ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน - 11 พฤษภาคม 2565 พยานหลักฐานก็มาจากตัวทนายเอง ดังนั้น ตามกฎหมายเรียกว่า กรรมเป็นเครื่องชี้ชะตา

          ส่วนรสนิยมของทนายในการใส่ของแบรนด์เนม ใส่แบบมั่วไปหมด โหมใส่แบบกลัวคนไม่รู้ว่าใส่แบรนด์เนม จนบางครั้งอยากถามว่า ใส่ยังไงให้ดูเหมือนของก๊อป เพราะใส่แบบมั่วมาก อีกอย่างหนึ่งคือ พวกคนที่รวยตั้งแต่ต้นตระกูล รวยตั้งแต่เกิด เขาไม่ค่อยโพสต์โอ้อวด ตรงข้ามกับทนายและภรรยาจริง ๆ ทั้งที่เป็นแค่ทนายความ

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์