ตำรวจเผยสาเหตุที่ยังจับกุมตัว ทหารยศจ่าสิบโท แฮกเกอร์ 9Near ไม่ได้ เหตุเพราะปิดโทรศัพท์ ทำให้ยากในการจับกุม หากไม่มอบตัวในวันจันทร์นี้จะติดวันหยุดราชการ วันสงกรานต์
ก่อนหน้านี้มีแฮกเกอร์ 9near ออกมาขู่ว่าจะปล่อยข้อมูลส่วนตัวคนไทย 55 ล้านคน ซึ่งคนดัง ๆ ก็โดนกันถ้วนหน้า ก่อนชุดสืบสวนได้ขออำนาจศาลออกหมายจับ จ่าสิบโทเขมรัตน์ (สงวนนามสกุล) ในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และจากการตรวจสอบ พบว่าปัจจุบันรับราชการเป็นทหารบกชั้นประทวนยศสิบเอกใน จ.นนทบุรี
ความคืบหน้าการติดตามตัว จ่าสิบโทเขมรัตน์ วันที่ 8 เมษายน 2566 พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ ทำหนังสือไปยังต้นสังกัด พร้อมประสานนายทหารพระธรรมนูญนำตัวจ่าสิบโทเขมรัตน์ เข้ามาพบพนักงานสอบสวนตำรวจไซเบอร์ ภายใน 7 วัน หลังถูกศาลสามารถออกหมายจับ ซึ่งตำรวจยังไม่สามารถควบคุมตัวได้
ภาพจาก ข่าวช่อง 3
ซึ่งมีรายงานว่า จ่าสิบโทเขมรัตน์ ได้ประสานไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด เพื่อที่จะเข้ามอบตัวกับตำรวจ สอท. ในวันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 โดยการเข้ามอบตัวนั้นก็จะมีทหารพระธรรมนูญเข้าไปร่วมในการมอบตัวกับตำรวจตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ยังไม่เป็นที่ยืนยันแน่ชัดว่าจะเข้ามอบตัวจริงหรือไม่ หากไม่มอบตัวในวันจันทร์ก็จะติดวันหยุดสงกรานต์
การติดตามจับกุมจ่าสิบโทรายนี้ไม่ได้ใช้วิธียุ่งยากหรือต้องใช้ขั้นตอนพิเศษ ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ รู้ตัวตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน แต่ในขณะที่กำลังจะเข้าจับกุมพบว่าเป้าหมายนั้นไม่อยู่นิ่ง จึงทำให้การจับกุมเลื่อนออกไป รวมถึงในส่วนของการจับกุมต้องฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงในการดำเนินการ ขอยืนยันว่าตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุอยู่ที่ใด แต่ทุกขั้นตอนขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ภาพจาก ข่าวช่อง 3
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ของรัฐมนตรีกระทรวงดีอีเอส มีช่วงหนึ่งระบุว่า ที่ไม่สามารถจับจ่าสิบโทรายนี้ได้ เนื่องจากปิดโทรศัพท์ ทำให้ยากในการจับกุม
จากการสอบถามแหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าแม้ผู้ต้องหาจะปิดโทรศัพท์มือถือ แต่ตำรวจมีวิธีการในการสืบสวนสอบสวนและจับกุมผู้ต้องหาได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแค่เรื่องโทรศัพท์มือถือ แต่ในกรณีของจ่าสิบโทรายนี้นั้น มีรายละเอียดอื่นเกี่ยวข้อง จึงทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรอฟังคำสั่งจากทางผู้บังคับบัญชารวมไปถึงกระทรวงดีอีเอส ซึ่งรู้ข้อมูลทั้งหมดเป็นอย่างดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ก่อนหน้านี้มีแฮกเกอร์ 9near ออกมาขู่ว่าจะปล่อยข้อมูลส่วนตัวคนไทย 55 ล้านคน ซึ่งคนดัง ๆ ก็โดนกันถ้วนหน้า ก่อนชุดสืบสวนได้ขออำนาจศาลออกหมายจับ จ่าสิบโทเขมรัตน์ (สงวนนามสกุล) ในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และจากการตรวจสอบ พบว่าปัจจุบันรับราชการเป็นทหารบกชั้นประทวนยศสิบเอกใน จ.นนทบุรี
ความคืบหน้าการติดตามตัว จ่าสิบโทเขมรัตน์ วันที่ 8 เมษายน 2566 พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ ทำหนังสือไปยังต้นสังกัด พร้อมประสานนายทหารพระธรรมนูญนำตัวจ่าสิบโทเขมรัตน์ เข้ามาพบพนักงานสอบสวนตำรวจไซเบอร์ ภายใน 7 วัน หลังถูกศาลสามารถออกหมายจับ ซึ่งตำรวจยังไม่สามารถควบคุมตัวได้
ภาพจาก ข่าวช่อง 3
ซึ่งมีรายงานว่า จ่าสิบโทเขมรัตน์ ได้ประสานไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด เพื่อที่จะเข้ามอบตัวกับตำรวจ สอท. ในวันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 โดยการเข้ามอบตัวนั้นก็จะมีทหารพระธรรมนูญเข้าไปร่วมในการมอบตัวกับตำรวจตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ยังไม่เป็นที่ยืนยันแน่ชัดว่าจะเข้ามอบตัวจริงหรือไม่ หากไม่มอบตัวในวันจันทร์ก็จะติดวันหยุดสงกรานต์
การติดตามจับกุมจ่าสิบโทรายนี้ไม่ได้ใช้วิธียุ่งยากหรือต้องใช้ขั้นตอนพิเศษ ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ รู้ตัวตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน แต่ในขณะที่กำลังจะเข้าจับกุมพบว่าเป้าหมายนั้นไม่อยู่นิ่ง จึงทำให้การจับกุมเลื่อนออกไป รวมถึงในส่วนของการจับกุมต้องฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงในการดำเนินการ ขอยืนยันว่าตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุอยู่ที่ใด แต่ทุกขั้นตอนขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ภาพจาก ข่าวช่อง 3
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ของรัฐมนตรีกระทรวงดีอีเอส มีช่วงหนึ่งระบุว่า ที่ไม่สามารถจับจ่าสิบโทรายนี้ได้ เนื่องจากปิดโทรศัพท์ ทำให้ยากในการจับกุม
จากการสอบถามแหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าแม้ผู้ต้องหาจะปิดโทรศัพท์มือถือ แต่ตำรวจมีวิธีการในการสืบสวนสอบสวนและจับกุมผู้ต้องหาได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแค่เรื่องโทรศัพท์มือถือ แต่ในกรณีของจ่าสิบโทรายนี้นั้น มีรายละเอียดอื่นเกี่ยวข้อง จึงทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรอฟังคำสั่งจากทางผู้บังคับบัญชารวมไปถึงกระทรวงดีอีเอส ซึ่งรู้ข้อมูลทั้งหมดเป็นอย่างดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3