ป้ายหลุมศพย่าหลาน ถูกฝังไว้ในที่เดียวกัน กับเบื้องหลังแสนเศร้า สิ้นสุดการรอคอยอันเนิ่นนานของหญิงชรา ไม่เคยได้รู้ว่าหลานตายแล้ว

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 5 เมษายน 2566 เว็บไซต์ hk01 มีรายงานเรื่องราวแสนเศร้า ที่แฝงอยู่เบื้องหลังป้ายหลุมศพหนึ่งภายในสุสานอนุสรณ์ที่เมืองฉางซา ประเทศจีน อันเป็นสถานที่รำลึกถึงผู้อันเป็นที่รักซึ่งได้ร่วมบริจาคอวัยวะหรือร่างกายหลังการจากไปของพวกเขา โดยบนป้ายหลุมศพดังกล่าว ปรากฏชื่อของเด็กหนุ่มและหญิงชราที่ถูกฝังร่างไว้รวมกัน
โดยเด็กหนุ่มคือ เย่ซาหลิงไซ่ ที่สิ้นชีวิตลงด้วยวัยเพียง 16 ปี ขณะที่หญิงชราคือ ถังตวนหัว ย่าของเขาที่สิ้นชีวิตลงในวัย 81 ปี แม้ทั้งคู่จะเสียชีวิตในช่วงเวลาที่ห่างกันเกือบ 3 ปี แต่ทางครอบครัวมีเหตุผลสำคัญที่นำร่างของทั้งคู่ฝังอยู่ร่วมกัน เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของหญิงชราที่จะได้เจอกับหลานชายอีกครั้ง หลังการเฝ้ารอนานนับพันวัน
รายงานเผยว่า เย่ซาหลิงไซ่ เป็นเด็กหนุ่มที่มีนิสัยร่าเริง เรียนเก่ง และรักการเล่นกีฬาบาสเกตบอลเป็นอย่างมาก ครอบครัวและเพื่อนต่างเรียกเขาว่า "เย่ซา" แต่น่าเศร้าที่เขาต้องจากไปอย่างกะทันหันด้วยอาการเลือดออกในสมอง ในวันที่ 27 เมษายน 2560 ขณะมีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของเย่ซาตัดสินใจด้วยความยากลำบาก ในการสานต่อชีวิตของลูกชายผ่านการบริจาคอวัยวะ เพื่อช่วยเหลืออีก 5 ชีวิต
"ความฝันของเย่ซา คือการได้เป็นหมอและช่วยชีวิตคน ผมอยากช่วยลูกชายให้ทำตามความฝัน" พ่อของเย่ซา กล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเย่ซ่าถูกเลี้ยงดูโดยผู้เป็นย่า ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งโต ย่าจะคอยซักเสื้อผ้าให้เขา รวมถึงทำอาหารให้หลายชายกิน คุณย่าอยู่กับหลานชายจนกระทั่งเขาเรียนจบชั้นมัยธยมต้น และแม้หลานชายจะเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมปลายไปแล้ว มีเรื่องให้ต้องทำยุ่งกว่าเดิม แต่เขาก็ยังหาเวลากลับมากินอาหารฝีมือคุณยายได้ทุก ๆ วันหยุดสุดสัปดาห์
จนเมื่อเย่ซาเสียชีวิต ทางครอบครัวกังวลว่าหญิงชราจะทำใจรับความสูญเสียไม่ได้ จึงตัดสินใจเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจากเธอ ทุก ๆ ครั้งที่คุณย่าถามหาหลานชายด้วยความคิดถึง คนในครอบครัวก็จะบอกว่า เย่ซาได้รับรางวัลใหญ่ และได้รับการแนะนำให้ไปเรียนแพทย์ที่สหรัฐฯ ซึ่งทุก ๆ ครั้งที่ได้ยิน คุณย่าก็จะมีรอยยิ้มแห่งความสุขใจบนหน้า บอกว่าเธอจะเฝ้ารอจนกว่าหลายชายจะกลับมา
แต่แล้วในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 คุณย่าในวัย 81 ปี ไม่อาจรอหลานรักกลับมาจากการเรียนได้แล้ว เธอเสียชีวิตลงโดยยังเชื่อจนถึงนาทีสุดท้ายว่า หลานชายซึ่งเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ จะมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่และจะกลายเป็นนายแพทย์ที่ดี
เมื่อคำนึงถึงความรักอย่างลึกซึ้งของคุณยายที่มีต่อหลาน ครอบครัวตัดสินใจบริจาคกระจกตาและร่างของคุณยาย เพื่อประโยชน์ด้านการวิจัยทางการแพทย์ จากนั้นก็ได้นำอัฐิของคุณยายครึ่งหนึ่งไปโปรยลงแม่น้ำเซียงเจียงที่เธอรัก รวมถึงนำอัฐิอีกส่วนมาฝังไว้ด้วยกันกับเย่ซา เพื่อให้การรอคอยอันยาวนานกว่าพันวันของคุณยายได้สิ้นสุดลง และจะได้อยู่กับหลานชายที่เธอรักหลังจากนี้
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก hk01, sina