เมียคลอดลูกแฝด ผัวตรวจ DNA ช็อก ลูกแท้ ๆ มีแค่คนเดียว โรงพยาบาลโบ้ย เมียมีชู้

         ในเดือนสิงหาคม 2562 ภรรยารายนี้เข้ารับการผ่าตัดย้ายตัวอ่อนครั้งแรก แต่หลังจากนั้น 1 เดือนต่อมา ผลอัลตราซาวด์พบว่าไม่สำเร็จ ตัวอ่อนหยุดการเจริญเติบโต แต่เธอและสามีก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจ ในเดือนมีนาคม 2565 ทั้งสองได้กลับไปที่โรงพยาบาลเดิมเพื่อพยายามอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ประสบความสำเร็จ ผลอัลตราซาวด์พบว่าเธอตั้งครรภ์ลูกแฝด

         อย่างไรก็ตาม คู่สามีภรรยารู้สึกแปลกใจไม่น้อย เนื่องจากก่อนหน้านั้น ทางแพทย์บอกกับเธอว่า ด้วยสภาวะร่างกายและสุขภาพของภรรยา ทำให้เธอไม่สามารถตั้งครรภ์แฝดได้ จึงเข้ารับการผ่าตัดย้ายตัวอ่อนเพียงตัวเดียว ทว่าสุดท้ายเธอกลับตั้งครรภ์แฝดได้อย่างไร  

         จนกระทั่งในเดือนกันยายน 2565 ภรรยาได้ให้กำเนิดลูกแฝดก่อนกำหนดโดยการผ่าคลอด เป็นเด็กหญิง 1 คน และเด็กชาย 1 คน ในตอนแรกเธอและสามีดีใจมาก แต่ต่อมาได้รับข่าวร้ายว่า ลูกสาวตรวจพบความผิดปกติทางการได้ยิน หูหนวกทั้งสองข้าง ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจและสงสัยมาก เพราะพวกเขาไม่เคยมีประวัติโรคทางพันธุกรรม

         เมื่อทั้งสองสอบถามไปยังโรงพยาบาล ก็ได้รับคำตอบว่า ทารกที่คลอดด้วยวิธีการทำเด็กหลอดแก้วมีความเสี่ยงที่จะเกิดความพิการแต่กำเนิดเหมือนทารกที่คลอดด้วยวิธีธรรมชาติ ทั้งนี้ การทำเด็กหลอดแก้วไม่ได้ทำการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน หากจะตรวจวินิจฉัยภาวะหูหนวกแต่กำเนิด ต้องทำการทดสอบทางพันธุกรรม พวกเขาจึงตัดสินใจตรวจดีเอ็นเอกับทารกที่คลอดออกมาทั้งสองคน

         ทว่าผลที่ออกมาทำให้คู่สามีภรรยายิ่งตกใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อผลตรวจระบุว่า มีเพียงเด็กชายคนเดียวเท่านั้นที่เป็นสายเลือดของสามี ส่วนลูกสาวไม่ใช่ เขาเชื่อว่าเป็นความผิดพลาดของทางโรงพยาบาล จึงดำเนินการฟ้องร้อง แต่ทางโรงพยาบาลกลับโต้แย้งว่า ตัวอ่อนที่ย้ายไปในมดลูกของภรรยาเขามีเพียง 1 ตัว นั่นเป็นไปได้ว่า "ภรรยาของเขามีเพศสัมพันธ์กับชายอื่น" จึงตั้งท้องลูกแฝด เป็นลูกจากผู้ชาย 2 คน

         เมื่อภรรยาได้ยินก็โกรธมาก เธอยืนกรานว่าเธอไม่เคยคบชู้ ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่นทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด นอกจากนี้เธอยังมีปัญหามีบุตรยาก จึงไม่น่าจะตั้งครรภ์ได้ง่าย ๆ ตามที่โรงพยาบาลกล่าวอ้าง หากเธอสามารถตั้งครรภ์ได้เช่นนั้นจริง เธอคงไม่ต้องมาปรึกษาแพทย์เพื่อทำเด็กหลอดแก้ว

         ภายหลังจากเรื่องราวถูกเผยแพร่ผ่านสื่อจนกลายเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรง ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลดังกล่าวได้ออกมาขอโทษทางสามีภรรยา พร้อมทั้งอ้างว่า ผู้ที่กล่าวหาว่าเธออาจจะมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่น เป็นพนักงานของโรงพยาบาลที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ ทำให้สรุปผิดพลาด พร้อมทั้งรับปากว่าจะสอบสวนเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากการมีน้ำเชื้อของชายอื่นมาผสมระหว่างการปฏิสนธิ หรือมีความผิดพลาดในกระบวนการย้ายฝากตัวอ่อน ยังไม่สามารถหาคำตอบได้แน่ชัด

         อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางคู่สามีภรรยาคู่นี้ได้ออกมาร้องเรียนกับสื่อท้องถิ่นอีกครั้ง เหตุเพราะไม่มีความคืบหน้าใด ๆ จากโรงพยาบาล และทางสามีก็ได้ยื่นฟ้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย

         ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่

ขอบคุณข้อมูลจาก Phu Nu & Phap Luat