
วันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ที่ห้องพิจารณา 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีแชร์แม่มณี หมายเลขดำ อ.167/2563 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.วันทนีย์ หรือ เดียร์ นายเมธี หรือ บอส และพวกจำเลย รวม 9 คน ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 9 มีนาคม 2562 - 30 ตุลาคม 2563 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้ง 9 คน ได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างวาระ
จำเลยที่ 1 แม่มณี และจำเลยที่ 4 เจตนาทุจริตหรือโดยการหลอกลวงได้บังอาจร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ผ่านโซเชียลมีเดีย ประกาศให้ประชาชนทั่วไปมาร่วมออมเงินหรือร่วมลงทุนกับจำเลย โดยจะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติเป็นพิเศษ โดยมีแผนการตลาดหรือรูปแบบการลงทุนจัดแบ่งออกเป็นวง จำนวนการลงทุนวงละ 1,000 บาท จะได้รับผลตอบแทน 930 บาท ต่อหนึ่งวง เมื่อครบกำหนด 9 เดือน นับแต่วันที่ลงทุนหรือวันที่ฝากเงินมายังบัญชีที่แจ้ง โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินที่ลงทุนพร้อมผลตอบแทนกลับไปจำนวนวงละ 1,930 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 4 กับพวก ได้เปลี่ยนเป็นการลงทุนระยะสั้น อีกหลายระบบหลายครั้งซึ่งข้อความดังกล่าวล้วนเป็นเท็จ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Wanthanee Tippaveth
ความจริงแล้วจำเลยที่ 1 และที่ 4 กับพวก ไม่ได้จัดให้มีการออมเงินหรือร่วมลงทุนโดย ได้รับผลตอบแทนมากกว่าปรกติดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นอุบายให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทอง จนเกิดความเสียหายจำนวน 2,533 ราย รวมทั้งสิ้น 1,376,215,359 บาท โดยพวกจำเลยนำเงินดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต และเป็นการกู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ยืมเกิน 10 คน ซึ่งมีจำนวนเงินกู้ยืมรวมกันตั้งแต่ 5,000,000 บาทขึ้นไป อันมิใช่การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินการกระทำของจำเลยทั้ง 9 คน เป็นความผิด ต่างกรรมต่างวาระกันตามเหตุเกิดที่ทุกแขวงและเขต กรุงเทพมหานคร ทุกตำบล และอำเภอ จังหวัดอื่น ๆ เกี่ยวพันกัน
จำเลยที่ 1-2 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลย 3-9 ให้การปฏิเสธ ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหาย และดีเอสไอเบิกความยืนยันทำนองเดียวกันว่า จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันมีพฤติการณ์โฆษณาหลอกลวงประชาชนและผู้เสียหายจำนวนมาก ให้มาร่วมลงทุน โดยโอนเงินผ่าบัญชีธนาคารจำเลยทั้ง 2 ส่วนจำเลยที่ 3-9 เป็นลูกจ้างของจำเลย ไม่มีส่วนรู้เห็นการกระทำผิด
- ศาลพิพากษา
จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องจริงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นบทหนักสุด จำนวน 2,528 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 12,640 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 5,056 ปี 15,168 เดือน อย่างไรก็ตามกฎหมายคงจำคุกได้ไม่เกิน 20 ปี จึงจำคุกจำเลยที่ 1-2 ไว้คนละ 20 ปี และให้จำเลยทั้ง 2 คน ชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 3-9 พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะลงโทษจำเลยได้ พิพากษายกฟ้อง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return.v13

ภาพจาก เฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return.v13

ภาพจาก เฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return.v13