สาวท้องแก่ เล่านาทีชีวิต ! รพ. ให้ยาผิด กินยาชาไป 2 ขวด สุดทรมาน รู้สึกตัวตลอด แต่ขยับไม่ได้ กลัวลูกในท้องจะตาย ลั่นจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
กลายเป็นประเด็นปัญหาที่ถูกพูดถึงไม่น้อย กรณีความผิดพลาดในการรักษาของโรงพยาบาลจนทำให้คนไข้ที่เข้ารับการรักษาได้รับอันตราย อย่างล่าสุดวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 เฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้แชร์เรื่องราวของสาวท้องคนหนึ่งที่ไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลรัฐ แต่เกิดความผิดพลาดในขั้นตอนการ "กินน้ำตาล" เพื่อตรวจคัดกรองเบาหวาน เพราะแทนที่จะได้กินน้ำตาล เจ้าหน้าที่กลับหยิบยาชามาให้กิน 2 ขวด จนร่างกายผิดปกติไม่สามารถขบับร่างกายได้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงมาตรฐานการทำงานของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลดังกล่าว
โดยหญิงสาวรายนี้ เล่ารายละเอียดว่า ตนเองตั้งครรภ์ได้ประมาณ 37 วัน + 3 สัปดาห์ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีนัดเจาะเลือดตรวจเบาหวาน ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ จ.จันทบุรี แล้วต้องกลืนน้ำตาล เจ้าหน้าที่จึงให้ขวดยามากิน ตอนแรกที่ดูดไปรู้สึกว่าขมแล้วชาที่ปากที่คอ แต่ไม่คิดว่าจะมีอันตราย เพราะว่ามา รพ. ไม่น่าจะมีความสะเพร่าแบบนี้ สุดท้ายจึงทนกินจนหมด 2 ขวด พยาบาลจึงเรียกเข้าห้องตรวจ ฟังเสียงหัวใจลูก ตอนนั้นตนจึงถามหมอว่า เปลี่ยนยาเหรอทำไมถึงขม แต่หมอตอบว่าไม่ได้เปลี่ยน หมอเลยให้ไปหยิบขวดที่กินมาให้ดู สรุปคือไม่ใช่น้ำตาล แต่มันคือยาชา
จากนั้นหมอให้นั่งรอประมาณ 10 นาที ระหว่างนั้นมีอาการตาจะปิด
เวียนหัว บ้านหมุน เพราะยาออกฤทธิ์แรงมาก ปากพูดไม่ได้ ตาลืมไม่ได้
มือเท้ากระตุก แต่รู้สึกตัวอยู่ตลอด จากนั้นความดันเริ่มขึ้นสูง
จนต้องวัดคลื่นหัวใจ และเริ่มหายใจไม่ออก ร่างกายเริ่มกระตุกรุนแรงขึ้น
จนรู้สึกว่าตัวเองขาดอากาศหายใจ พยายามอ้าปากให้มีอากาศเข้า
สติเริ่มหายมีอากาศเฮือกสุดท้ายคือตอนที่หายใจเข้าและกรี๊ดออกมา
ซึ่งขณะนั้นไม่สามารถควบคุมร่างกายได้
หลังจากนั้น พอเริ่มหายใจได้อีกครั้ง ตนน้ำตาไหลเพราะกลัวตัวเองตาย และกลัวลูกในท้องตาย จนถึงตอนนี้ก็ยังตกใจไม่หาย โดยหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นทางโรงพยาบาลชี้แจงมาว่า คนที่หยิบยาชาให้กินไม่ใช่พยาบาล แต่เป็นแค่พนักงานบริการเอกสารทั่วไป จึงค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมถึงให้พนักงานที่ไม่ใช่พยาบาลเป็นคนจ่ายยาให้ผู้ป่วยได้
ทั้งนี้ หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยต่างระบุว่า เรื่องนี้โรงพยาบาลจะต้องรับผิดชอบ เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตทั้งแม่ และลูกในท้อง พร้อมแนะนำให้ฟ้องร้องโรงพยาบาลอย่างจริงจัง เพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างสะเพร่าจนเกิดอันตรายแบบนี้
กลายเป็นประเด็นปัญหาที่ถูกพูดถึงไม่น้อย กรณีความผิดพลาดในการรักษาของโรงพยาบาลจนทำให้คนไข้ที่เข้ารับการรักษาได้รับอันตราย อย่างล่าสุดวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 เฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้แชร์เรื่องราวของสาวท้องคนหนึ่งที่ไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลรัฐ แต่เกิดความผิดพลาดในขั้นตอนการ "กินน้ำตาล" เพื่อตรวจคัดกรองเบาหวาน เพราะแทนที่จะได้กินน้ำตาล เจ้าหน้าที่กลับหยิบยาชามาให้กิน 2 ขวด จนร่างกายผิดปกติไม่สามารถขบับร่างกายได้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงมาตรฐานการทำงานของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลดังกล่าว
โดยหญิงสาวรายนี้ เล่ารายละเอียดว่า ตนเองตั้งครรภ์ได้ประมาณ 37 วัน + 3 สัปดาห์ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีนัดเจาะเลือดตรวจเบาหวาน ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ จ.จันทบุรี แล้วต้องกลืนน้ำตาล เจ้าหน้าที่จึงให้ขวดยามากิน ตอนแรกที่ดูดไปรู้สึกว่าขมแล้วชาที่ปากที่คอ แต่ไม่คิดว่าจะมีอันตราย เพราะว่ามา รพ. ไม่น่าจะมีความสะเพร่าแบบนี้ สุดท้ายจึงทนกินจนหมด 2 ขวด พยาบาลจึงเรียกเข้าห้องตรวจ ฟังเสียงหัวใจลูก ตอนนั้นตนจึงถามหมอว่า เปลี่ยนยาเหรอทำไมถึงขม แต่หมอตอบว่าไม่ได้เปลี่ยน หมอเลยให้ไปหยิบขวดที่กินมาให้ดู สรุปคือไม่ใช่น้ำตาล แต่มันคือยาชา
หลังจากนั้น พอเริ่มหายใจได้อีกครั้ง ตนน้ำตาไหลเพราะกลัวตัวเองตาย และกลัวลูกในท้องตาย จนถึงตอนนี้ก็ยังตกใจไม่หาย โดยหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นทางโรงพยาบาลชี้แจงมาว่า คนที่หยิบยาชาให้กินไม่ใช่พยาบาล แต่เป็นแค่พนักงานบริการเอกสารทั่วไป จึงค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมถึงให้พนักงานที่ไม่ใช่พยาบาลเป็นคนจ่ายยาให้ผู้ป่วยได้
ทั้งนี้ หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยต่างระบุว่า เรื่องนี้โรงพยาบาลจะต้องรับผิดชอบ เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตทั้งแม่ และลูกในท้อง พร้อมแนะนำให้ฟ้องร้องโรงพยาบาลอย่างจริงจัง เพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างสะเพร่าจนเกิดอันตรายแบบนี้