ย้อนคลิป ไอติม พริษฐ์ เคยได้เงินเดือน 300,000 แต่จ้องข้าวกล่องลด 50% มดดำอ้าปากค้าง !

          ย้อนคลิปสุดฮือฮา ไอติม พริษฐ์ ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล กับชีวิตก่อนผันมาเป็นนักการเมือง อดีตเงินเดือน 300,000 บาท ทำงานบริษัทระดับโลก แต่ใช้ชีวิตง่ายมาก กินก๋วยเตี๋ยวเนื้อแถวบ้าน ยังจ้องอาหารลดราคา 50% ห้างดัง


          อย่างไรก็ตาม ล่าสุด 30 พฤษภาคม 2566 ได้มีคนย้อนคลิปไอติมตั้งแต่สมัยที่เพิ่งหันมาทำงานการเมืองใหม่ ๆ ที่ไอติมให้สัมภาษณ์กับรายการ แฉ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2561 ทำให้เห็นอีกด้านของหนุ่มคนนี้ ที่ยอมสละเงินเดือนกว่า 300,000 บาท เพื่อเดินทางในเส้นทางสายการเมืองเต็มตัว

ไอติม กับจุดเริ่มต้นในการสนใจเรื่องการเมือง เมื่อ 2 ประเทศปกครองเหมือนกัน แต่ความเหลื่อมล้ำคนละเรื่อง

          ทั้งนี้ ไอติมยอมรับว่า ในจำนวนนักเรียนที่เรียนปรัชญา การเมือง เศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ทั้งรุ่นมี 250 คน ตนคือคนเดียวที่หันมาทำงานการเมือง ที่เหลือก็ไปทำงานธนาคารบ้าง ทำฟุตบอลพรีเมียร์ลีกบ้าง แล้วด้วยความที่ตนสนใจการเมืองมาตั้งแต่อายุ 13 ปี ตั้งแต่ที่ตนไปเรียนที่อังกฤษ เลยเกิดการเปรียบเทียบว่า ระบบปกครองเหมือนกัน มีรัฐสภา มีพระมหากษัตริย์ แต่มีความเหลื่อมล้ำสูง เช่นที่อังกฤษ ถ้าเวลาจะเรียนหรือไปโรงพยาบาล ก็จะไปเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน หรือไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน แต่ตอนที่ตนกลับมาเมืองไทย และไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ รพ.จุฬาฯ จะพบว่าคนไข้หลายคนเดินทางมาไกลมาก เสียค่าใช้จ่ายเยอะมาก

          ไอติมมองว่า งานการเมืองคืองานที่มีเอกลักษณ์ เพราะประชาชนคือเจ้านายของนักการเมือง ในระบบประชาธิปไตย ความสำเร็จของนักการเมืองขึ้นอยู่กับว่า คุณจะทำประโยชน์ให้ประชาชนได้เท่าไร ถ้าคุณทำงานดี คนก็ให้คุณทำงานต่อ ถ้าทำงานให้ประชาชนไม่ดี ประชาชนก็สั่งให้คุณหยุด

ไอติม เผยประสบการณ์ปัญญาอ่อนที่สุดในชีวิต ใส่คอนแทคเลนส์ค้างคืนไปดูบอล จนมดดำงง นี่ไร้สาระแล้ว ?!

          ในเรื่องชีวิตส่วนตัว ไอติมเป็นคนที่กวนมาก เพื่อนคนหนึ่งเคยบอกว่า ก่อนที่จะมาคุยกับไอติม ก่อนที่จะรู้จักไอติม ต้องไปอ่านหนังสือพิมพ์มาก่อน เพื่อที่จะคุยกันได้ แต่พอสนิทกันแล้วเขาก็จะรู้ว่า ตนก็มีมุมไร้สาระ บางทีนอนอยู่บ้านนั่งดูคลับฟรายเดย์

          เรื่องไร้สาระที่สุดที่ตนทำคือ ตนเป็นคนบ้าบอลมาก คุณพ่อ คุณแม่ พี่ชาย ไม่มีใครดูเลย และสมัยก่อนที่บ้านมีทีวีเครื่องเดียวข้างล่าง ต้องตกลงกับคุณแม่ที่ชอบดูละครว่า 4 ทุ่มบอลมา ขอดูบอลได้ไหม และด้วยความที่บ้าบอลมากทำให้ตนเกือบตาบอด


          โดยในช่วงมหาวิทยาลัย ตนได้มีโอกาสซื้อตั๋วไปดูฟุตบอลเชลซี-อาร์เซนอล นัดใหญ่พอสมควร และราคาค่าตั๋วก็ไม่ถูก วันก่อนที่จะมีบอล ไอติมใส่แจ็กเก็ตไป แล้วทำแจ็กเก็ตหาย และกุญแจบ้านก็อยู่ในแจ็กเก็ต เพื่อนที่อยู่ร่วมบ้านกันก็ไปเมืองอื่น เมื่อจะกลับเข้าบ้านก็กลับเข้าไม่ได้ เมื่อเช็กโทรศัพท์แบตเตอรี่ก็หมด ตอนนั้นใส่คอนแทคเลนส์อยู่ ไอติมเลยหาที่นอนในตึก แต่ว่าอยู่นอกห้อง ไอติมก็คิดว่าควรจะถอดคอนแทคเลนส์ไหม เพราะคอนแทคเลนส์นั้นเป็นคอนแทคเลนส์รายวัน แต่ด้วยความที่เสียดาย กลัวว่าวันรุ่งขึ้นไปดูบอลแล้วจะมองไม่เห็น เลยยอมใส่ต่อ (มดดำถาม อันนี้คือปัญญาอ่อนที่สุดในชีวิตแล้วใช่ไหมคะ) และใส่แบบนั้นไปดูบอล

          ตนยอมรับว่าดูบอลสนุกมาก แต่พอกลับมาถึงเมืองไทย ปรากฏว่าตนลืมตาไม่ขึ้น มองอะไรไม่เห็นเลย และต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที (มดดำบอกว่า นี่คือปัญญาอ่อนแล้วเหรอ ถ้าย้อนกลับมาดูที่มดดำและน็อต วรฤทธิ์ คือเรื้อนหน้าผับเกือบตาย นอนเมาริมถนนเกือบโดนปล้น)

          ถามว่าเคยเมาไหม ไอติมบอกว่ามี มีเมาจนจำไม่ได้ เลยตอบไม่ได้ว่าเรื้อนหรือไม่เรื้อน

ไอติม พริษฐ์ กับชีวิตก่อนออกมาทำการเมือง จบที่เงินเดือน 3 แสนบาท แต่ชีวิตง่ายมาก จ้องซื้ออาหารลดราคา

          ไอติมเผยว่า ตนเริ่มฝึกงานจริง ๆ ปีก่อนที่จบมหาวิทยาลัย โดยฝึกงานที่อังกฤษในช่วงซัมเมอร์ มีเงินเดือนเริ่มต้นที่ 100,000 บาท แต่รับเป็นเงินปอนด์ แค่ค่าครองชีพที่อังกฤษก็สูงกว่า พอจบกลับมาก็ทำงานที่บริษัทนั้นเพราะตนทำงานต่างประเทศ ทำโปรเจกต์ที่ศรีลังกา มาเลเซีย เวียดนาม ซึ่งบริษัทนี้เป็นบริษัทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ให้ทั้งธุรกิจและรัฐบาล

          โมเดลของบริษัทคือรับคนที่จบมาใหม่ ตนมองว่ามันมีความท้าทายและได้ทำงานกับรัฐบาลที่มีคนอายุมาก มีประสบการณ์มากกว่าเราเยอะ และตนได้เป็นที่ปรึกษาให้เขา ตอนแรกเขาจะงง ๆ ว่าเด็กคนนี้จะรู้อะไร สมมุติว่ารัฐบาลหนึ่งต้องการให่้คนนั่งรถเมล์เยอะขึ้น เขาอาจจะให้บริษัทที่ตนทำงานมาวิเคราะห์ว่า ต้องทำอย่างไรให้คนนั่งรถเมล์เยอะขึ้น และอีกโปรเจกต์หนึ่งที่ตนทำที่ประเทศศรีลังกาคือ แม่ท้อง และแม่ต้องเดินทางไปสำนักงานเขตที่ไกลมากเพื่อไปเอาเงินค่าเลี้ยงชีพที่รัฐบาลให้ เขาก็เลยให้เราดูว่า จะมีวิธีการไหนที่จะส่งเงินเข้าบัญชีธนาคารของแม่ได้ และถ้าไม่มีบัญชีธนาคารจะส่งเข้ามือถืออย่างไร

          เงินเดือนสุดท้ายที่ได้รับคือ 3 แสน (น็อตถามว่า แล้วจะออกมาทำการเมืองทำไมให้มันปวดหัว) นี่คือคำถามที่เจ้านายถามเหมือนกันก่อนที่จะออกมา

          เมื่อถามว่าทำไม่ถึงออกมา ไอติมก็บอกว่า ตนไม่ใช่คนที่ใช้เงินเยอะอะไร ชีวิตตนค่อนข้างเรียบง่าย ตนยอมรับว่าตนโชคดีกว่าคนอื่น พ่อแม่มีฐานะที่มั่นคง ตนมีรองเท้า 5 คู่ เสื้อทุกตัวมาจากยูนิโคล่ ไม่ได้ถูกหรือแพงมาก ข้าวกลางวันถ้าตนได้ทำงานที่บ้าน ก็กินร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตรงกันข้าม ตอนเย็นหิวมากก็กลับไปซื้อข้าวกล่อง Maxvalue ลดราคา 50% หลัง 2 ทุ่ม (มดดำอ้าปากค้าง) "ถ้าใช้คำพูดที่ดีก็คือใช้ชีวิตง่าย ๆ ถ้าใช้คำพูดที่แรงก็คือ งก"