ภาคต่อ เพื่อนบ้านหมู่บ้านหรูสุมขยะล้นรั้ว เพิ่งย้ายมาก็โดนอาฆาต จะเอาให้อยู่ไม่ได้ !?

 
             คืบเพื่อนบ้านหมู่บ้านหรูสุมขยะล้นรั้ว ปมเจ้าของใหม่เปิดหน้าต่างไปมองเจอขู่จะเอาให้อยู่ไม่ได้ แฉวีรกรรมแสบอื้อ เขตรับฟังสั่งย้ายของลง พร้อมแจ้งความ


            อ่านข่าว : เพื่อนบ้านในหมู่บ้านหรู สุมขยะล้นรั้ว ร่วงมายังสั่งให้ไปคืน รู้อาชีพที่ทำ...ส่ายหน้าเลย

            เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 2 มิถุยายน 2566 รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ช่อง 3 รายงานว่า จากการสอบถาม คุณสุภาพร เจ้าของคลิป เล่าว่า เธอซื้อบ้านหลังนี้และเข้ามาอยู่ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 ซึ่งเจ้าของเดิมยอมรับว่ามีปัญหากับเพื่อนบ้าน แต่เธอคิดว่าคงไม่มีอะไรจึงตัดสินใจมาซื้อ เพราะบ้านสวยน่าอยู่ จนวันหนึ่งพ่อแม่เธอเข้ามาอยู่ที่บ้านก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กข้างบ้าน พอเปิดหน้าต่างดูก็ถูกเพื่อนบ้านตะโกนมาด่าว่า "จะเปิดมามองทำไม" พร้อมขู่บ้านเธอว่าจะเอาให้อยู่ไม่ได้เลย

            หลังจากนั้นเพื่อนบ้านมีการส่องไฟสปอตไลท์ความสว่างสูงเข้ามาภายในบ้านบริเวณหน้าต่างเวลากลางคืน ทำให้พ่อแม่ของเธอนอนไม่ได้ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอโมโหมาก จึงไปกดกริ่งเรียก แต่เพื่อบ้านก็ไม่ยอมออกมา นิติบุคคลไปเรียกก็ไม่ยอมออกจากบ้าน พอแจ้งตำรวจ ตำรวจมาถึงหน้าบ้านก็ไม่ยอมออกมา เธอจึงไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.อุดมสุข

เจ้าของบ้านอึ้ง นอนดึกเจอด่าโง่ ซ้ำของอันตรายหล่นใส่บ้าน ตร. ไม่รับแจ้ง เพราะไม่บาดเจ็บ

            ต่อมากลับพบว่าเพื่อนบ้านนำกล้องมาตั้งไว้ที่รั้วบ้าน แฟนของเธอจึงไปผลักกล้องกลับไปในรั้วบ้านคู่กรณี พอออกไปข้างนอก กลับบ้านมาก็พบว่ากล้องถูกวางไว้ที่เดิม มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ เธอจึงเก็บกล้องมา หลังจากนั้นเพื่อนบ้านได้ไปแจ้งความหาว่าเธอขโมยกล้อง ซึ่งเธอนั้นถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐานแล้วว่าละเมิดสิทธิ์ แต่หลังจากไปพูดคุยกันที่โรงพัก เพื่อนบ้านก็หนีกลับบ้านก่อน จึงทำได้เพียงแค่ลงบันทึกประจำวันไว้
              นอกจากนี้ยังมีกรณีที่เพื่อนบ้านเคยฉีดน้ำเข้ามาในรั้วของเธอ พอเธอบอกไปว่าน้ำเข้ามาในบ้าน เขากลับยิ่งฉีดอีก เธอทนไม่ไหวจึงฉีดน้ำกลับ เปรียบเสมือนสงครามฉีดน้ำ พอสู้ไม่ได้เพื่อนบ้านกลับปาไม้ไผ่เข้ามาในบ้านของเธอ โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะไปแจ้งความไว้ แต่สุดท้ายตำรวจไม่รับแจ้งความ เนื่องจากตำรวจบอกว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บและไม่ใช่คดีอาญา บางครั้งนำของมาวางรวมทั้งเหล็ก เกือบหล่นใส่เธอ พอไปแจ้งความตำรวจก็ไม่รับแจ้ง จึงคาใจว่าต้องรอให้เจ็บก่อนหรือ เพราะถ้าเหล็กนี้ร่วงใส่หัวคงน็อกแน่ ๆ

            ส่วนสาเหตุที่เพื่อนบ้านทำเช่นนี้ เชื่อว่าเป็นเพราะคู่กรณีซื้อบ้านหลังท้ายซอย และไม่ชอบให้ใครผ่านหน้าบ้าน แม้รถแท็กซี่เข้ามากลับรถก็ถูกปาขยะใส่ คนที่มาวิ่งผ่านก็ถูกฉีดน้ำใส่ ทุกคนในหมู่บ้านรู้กันหมด ซึ่งเดือนละครั้งจะมีเพื่อนเธอมาหาที่บ้าน พอเปิดไฟตอนดึกก็ถูกส่องกล้องเข้ามา และเธอก็ถูกเพื่อนบ้านต่อว่า บอกว่า "กลางคืนดึกดื่นไม่นอน คนนอนดึกจะโง่" แต่พอเพื่อนบ้านเปิดสปอตไลท์สว่างรอบบ้านเองกลับไม่เป็นอะไร

            ที่ผ่านมาเคยประสานนิติบุคคลของหมู่บ้านเกี่ยวกับเรื่องที่เพื่อนบ้านสุมข้าวของไว้ล้นกำแพง ปรากฏว่าเพื่อนบ้านก็บอกว่า "ไม่สะดวกเอาของลงให้ และของที่ร่วงมาก็ให้ไปคืนด้วย ไม่ต้องพูดคุยกันอีก มีอะไรให้เขียนจดหมายแจ้งมา" เธอไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเพิ่งมาซื้อบ้านอยู่ไม่นาน จะให้ขายบ้านไปก็ใช่เรื่อง จึงมีแนวคิดว่าจากนี้คงจะต้องทำกำแพงสูงทึบเพื่อไม่ให้เจอปัญหากันอีก

เจ้าหน้าที่หวังเคลียร์ กดกริ่งแล้วแต่ไม่ยอมออก - ผอ.เขต สั่งขนย้ายขยะ พร้อมแจ้งตำรวจ

            เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (2 มิถุนายน) คุณไชโย โพธิ์พันธ์ุ นายช่างสำรวจชำนาญงาน ฝ่ายโยธา และคุณพนัสวิน เครื่องพาที นักวิชาการสุขาภิบาลปฏิบัติการ ฝ่ายสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่หมู่บ้านดังกล่าว เพื่อจะเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่พยายามไปกดกริ่งหน้าบ้านบ้านของคู่กรณี แต่ก็ไม่ยอมออกมาคุยกับเจ้าหน้าที่เขต

            ด้าน สามีของคุณสุภาพร กล่าวว่า ยังรู้สึกไม่สบายใจ เพราะยังไม่รู้แนวทางในการแก้ไขปัญหา ส่วนเรื่องสร้างกำแพงให้สูง แม้จะทำได้ แต่มันคือการแก้ที่ปลายเหตุ และก็ไม่อยากให้ถึงขั้นนั้นเพราะจะบดบังทัศนียภาพ รวมถึงต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่หากต้องมีความจำเป็นจริง ๆ ก็ต้องทำ ลึก ๆ อยากให้คู่กรณีออกมาพูดคุยแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ ยืนยันว่าไม่ได้เคยมีปัญหากันมาก่อน ไม่อยากทำให้เรื่องใหญ่โตจนเกินความจำเป็น แต่ถ้าหากเอาขยะลงได้ก็อยากให้ทางคู่กรณีเอาขยะลง

            ขณะที่ นายอนุชิต พิพิธกุล ผู้อำนวยการเขตประเวศ กล่าวว่า หลังจากได้รับการร้องเรียน ได้สั่งให้เพื่อนบ้านที่ครอบครองนำขยะหรือสิ่งที่เป็นอันตรายออกจากพื้นที่หรือให้จัดสิ่งของให้เป็นระเบียบ โดยให้แก้ไขภายใน 7 วัน และเรื่องนี้ทางเขตจะไปร้องทุกข์กับตำรวจ สน.อุดมสุข ส่วนที่ผู้ร้องจะทำกำแพงกั้นนั้นสามารถทำได้ ไม่เกิน 10 เมตร โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเขต ส่วนสังกะสีล้ำเข้าไปถือว่าเป็นการบุกรุก ก่อเหตุรำคาญ ตำรวจสามารถดำเนินการได้เลย ส่วนการติดกล้องวงจรปิดนั้น ทางเขตไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เนื่องจากไม่มีอำนาจและไม่มีสิทธิ์






ขอบคุณข้อมูลจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์