ปัญหาเพื่อนบ้านสร้างหลังคาจอดรถยื่นออกมาหน้าบ้าน - เอากระบะทรายแมวมาวางขวาง เจ้าของบ้านยอมรับผิด สร้างมา 20 กว่าปีแล้ว แต่โกรธเพราะอ้างคนใหญ่คนโต เจอสั่งรื้อทันทีใน 30 วัน
วันที่ 6 มิถุนายน 2566 รายการโหนกระแส พูดคุยเรื่องปัญหาเพื่อนบ้าน กรณีหมู่บ้านในพื้นที่บางคูรัด หมู่บ้านเก่าอายุ 30 กว่าปี เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามสร้างหลังคายื่นออกมาหน้าบ้าน บนถนนสาธารณะ แล้วยังเอาเศษวัสดุ ข้าวของมาวางทำให้ได้รับความเดือดร้อน
- เพื่อนบ้านสุดทนจนต้องโวย
โดยคุณจอม ผู้ร้องเรียน เล่าว่า มาซื้อบ้านฝั่งตรงข้ามคู่กรณีได้ประมาณ 3 ปี เจอว่าเขาทำโรงรถหน้าบ้านยื่นออกมาตรงถนนหน้าบ้านเขา เอาผ้าขี้ริ้ว เอาที่นอนมาตาก เอากระบะทรายแมวมาวาง ซึ่งเจ้าของบ้านคนก่อนที่เขาขายบ้าน เคยพูดกับตนว่าสาเหตุที่ย้ายออกเพราะเพื่อนบ้านเอาของมาวางขวาง เป็นปัญหา เขาถึงกับลดราคาบ้านให้ ตนก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องอะไรร้ายแรง
ขณะที่คุณตุ้ย ภรรยาคุณจอม เผยว่า เวลาเขาขนของ ย้ายของ เขาจะขนออกมาวางหน้าบ้าน ไม่บอกไม่กล่าว เศษวัสดุ เศษอุปกรณ์อะไรต่าง ๆ มากองเต็มหน้าบ้านไปหมด ทั้งที่เขาก็มีที่หน้าบ้านเขา แต่ก็ขนของมาไว้หน้าบ้านเรา เขาบอกว่า เดี๋ยวมีรถมาขน เดี๋ยวมีคนมาเอา แต่ก็ผัดไปเรื่อย ๆ
ด้านแม่ของคุณจอม ลากกระบะทรายแมวไปเคาะเรียกและต่อว่าคู่กรณี เผยว่า แม่จะแวะเวียนไป ๆ มา ๆ ไม่ได้มาอยู่ถาวร แต่มาทุกครั้งจะเจอของกองขวางทางหน้าบ้านทุกครั้ง จนต้องไปต่อว่าว่าทำไมอยู่เป็นเพื่อนบ้านกันไม่เห็นใจ ไม่คิดถึงคนอื่นบ้าง ทำแบบนี้มันเดือดร้อน สุดท้ายจึงร้องเรียนไปทางประธานหมู่บ้าน แต่เรื่องก็ไม่ได้รับการแก้ไข จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเป็นข่าว
- ฝั่งเจ้าของบ้านตอบแบบนี้
คุณกอล์ฟ เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว กล่าวว่า ตนต่อเติมส่วนจอดรถออกมาจากหน้าบ้านตัวเองตั้งแต่ปี 2541 เพราะเพิ่งซื้อรถมาใหม่ ยอมรับว่าผิดที่ทำแบบนั้นรุกล้ำที่สาธารณะ แต่เข้าใจว่าบ้านหลังตรงข้าม ณ เวลานั้น ยังเป็นบ้านร้าง ไม่มีคนอยู่อาศัย ก็เลยคิดว่าทำได้ แต่ยอมรับว่ามันผิด ต่อมามีคุณตามาซื้อบ้านหลังตรงข้าม แล้วต่อเติมอะไรต่าง ๆ มีการก่อสร้างหลังคายื่นออกมา ก่อปูน ทำบ่อปลา ยื่นออกมาเกือบจะจรดกับหลังคาที่ตนทำยื่นออกไป ซึ่งทางครอบครัวตนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
แต่ก็ยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตนผิดจริง ๆ ส่วนเรื่องที่แม่ตนเอากระบะทรายแมวไปวางหน้าบ้านเขา พอได้รับเรื่องจากประธานหมู่บ้านก็รีบกลับมาเก็บทันที และบอกแม่แล้วว่าอย่าเอาไปวางแบบนั้นอีก ส่วนเรื่องเอาของไปวาง เศษวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ อันนี้ตนขอยืนยันว่าตนยกมือไหว้ ขอโทษ ขออนุญาตทุกครั้ง (ภรรยาคุณจอม บอกว่า เขาเอามาวางก่อนแล้วค่อยขอ)
- เรื่องลุกลามมีปากเสียงและขู่ทำร้ายกัน
เรื่องนี้มีการอ้างว่า ฝ่ายคุณจอมขอเบอร์ประธานหมู่บ้าน บอกจะให้คนมียศใหญ่โต โทร. ไปเคลียร์ เรื่องนี้คุณกอล์ฟไม่พอใจที่คุณจอมเอาคนใหญ่คนโตมาอ้าง ขณะที่ฝั่งคุณจอมก็บอกว่า คุณกอล์ฟเองก็อ้างว่าตัวเองสนิทสนมกับประธานหมู่บ้าน กับเจ้าหน้าที่เทศกิจ แจ้งไปเขาก็แค่ตักเตือน ไม่ลงโทษอะไร ซึ่งทางกอล์ฟยืนยันว่าไม่ได้พูด จนกลายเป็นประเด็นเดือดปะทะคารมกัน
- ฝั่งภรรยาคุณกอล์ฟเจ้าของบ้านดังกล่าว
ภรรยาคุณกอล์ฟบอกว่า คุณจอมไปร้องเรียนกับประธานหมู่บ้าน เขาก็มาแจ้งทางตนแล้ว ตนก็แก้ไขไปแล้วเรื่องการเอาของไปวางขวาง แต่เขาก็ยังมีเรื่องใหม่ไปร้องเรียนไม่หยุด ประธานหมู่บ้านเขาก็คงมองว่าทางครอบครัวคุณจอมไม่เข้าใจเพื่อนบ้าน ไม่เข้าใจชุมชนที่อยู่กันมาแบบนี้
- บทสรุปของเรื่องนี้จากนายกเทศมนตรี
ดร.พิมพ์พัชชา หยิมการุณ นายกเทศมนตรีเมืองบางคูรัด กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรยาก ไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ แต่สิ่งที่ตนกังวลคือข่าวที่ออกไปบอกว่าลูกบ้านสนิทกับนายกเทศมนตรี ร้องเรียนไปหลายเดือนเรื่องก็เงียบ เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ทางเทศบาลเพิ่งได้รับการร้องเรียนเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา แล้วก็ลงพื้นที่ไปตรวจสอบทันที ไม่ได้รู้จักกับลูกบ้านคนไหนเป็นการส่วนตัว
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะหมู่บ้านนี้เขาสร้างมาตั้งแต่ 30 กว่าปีก่อน ตอนนั้นยังไม่มีกฎหมายจัดการเรื่องอาคารสิ่งปลูกสร้างแบบทุกวันนี้ คนที่อยู่อาศัยเขาเอาที่จอดรถในบ้านไปเก็บของใช้ประโยชน์อย่างอื่น แล้วเอารถยนต์มาจอดหน้าบ้าน บางบ้านก็สร้างหลังคายื่นออกมา หลังจากนี้ทางคุณกอล์ฟจะต้องรื้อถอนส่วนที่ยื่นออกมาจากบ้าน เพราะทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เรื่องนี้ดำเนินการทันที ต้องเสร็จภายใน 30 วัน
- จะอยู่กันยังไง เปิดบ้านมาก็เจอกัน
กอล์ฟ : ผมก็ขอโทษ ผมผิดเองในเรื่องสิ่งปลูกสร้างที่ยื่นออกมา ผมไม่มีข้อแม้ใดๆ ผมทำวันนี้เลย แต่ขอเรื่องเดียวว่าการไปกล่าวอ้างคนโน้นคนนี้ พี่จะพูดหรือไม่พูดก็เรื่องของพี่แต่ขอว่าอย่า ถ้าพี่บอกว่าคำว่าถูกต้องในโซเชียล พี่ลองดูบ้านของพี่ด้วย มันเหลื่อมล้ำล้นเสาไฟมาเยอะมาก ผมก็ไม่เคยร้องเรียนใคร
จอม : แล้วมันเป็นเจตนาของเราหรือเปล่าที่ผิด
ยายติ๊ก : อันนี้เราซื้อมา กอล์ฟก็ต้องเข้าใจนะเราซื้อมามันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่ของหนูมันเพิ่งทำนะลูก ต้องคิดใหม่
จอม : ถ้าคิดว่าผมทำมาผิด โอเค ผมรื้อเหมือนกัน แต่นี่คือผมซื้อมา มันมาแบบนี้ แล้วก็รู้เมื่อวานว่ามันผิด
ก็ต้องเข้าใจบริบทด้วย เขาซื้อมา มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไปแจ้งเขาไม่ได้ว่าเขาผิด ?
กอล์ฟ : ถ้ามาตรฐานเดียวกันหมด ผมทำให้เลยวันนี้ ส่วนของพี่จะทำเมื่อไหร่ก็ทำ ถ้าพี่สะดวกก็ทำให้ถูก
งั้นกอล์ฟต้องไปบอกทุกคนที่เกินถนนมาให้รื้อให้หมด กอล์ฟทำได้มั้ย ?
กอล์ฟ : ผมแค่บอกว่าผมทำของผมก่อน ส่วนคนอื่นใครทำหรือไม่ทำ ไม่ได้เดือดร้อนกอล์ฟหรอก ไม่ต้องไปแจ้งเขาหรอก แต่พี่บอกว่าอยากให้สังคมมีมาตรฐานเดียวกัน ถ้าพี่อยากทำก็ทำให้เรียบร้อย แค่นั้นเอง แต่ผมทำก่อนเพราะผมผิด ยอมรับเลยว่าผิด ผมไม่ได้แก้ไขปัญหามันผ่านมาเนิ่นนาน
ไม่ใช่กลับบ้านไปองค์ลง จะไปตบเขาอีกนะ ?
กอล์ฟ : ไม่ ปกติผมไม่ค่อยได้พูดกับใคร อยู่ในบ้านตลอด ผมเกรงใจเขามากกว่า เจอพี่เขาก็สวัสดีเขาทุกวัน
เจอหน้ากันจะคุยกันได้มั้ย ?
จอม : ณ วันนี้ผมก็ไม่ได้โกรธเขาเป็นการส่วนตัว เอาแค่ประเด็นที่เป็นข่าวแค่นี้ เรื่องนี้จบก็จบ
ยายติ๊ก : แค่ทำให้ถูกต้องแค่นั้นแหละ
จอม : กอล์ฟจะไปแจ้งความก็ไปสู้กัน
กอล์ฟ : เรื่องการพาดพิงใครจะไม่พูดถึงบุคคลที่สามแล้วกัน
จะถอนมั้ย ?
กอล์ฟ : เดี๋ยวคุยกันอีกที เพราะผมกระทบไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว ผมมีหน้าที่การงาน วันนี้ข่าวออกไปเยอะแยะมากมาย ออกไปในทิศทางเดียวตอนแรก พี่เป็นคนพูดคนเดียว ฝ่ายเดียว ณ วันนั้นไม่มีใครมาสอบถามผม
จอม : ถ้านายกฯ ฟ้องผมไม่เสียใจเลย แต่นี่เป็นเขา เพราะเขาเป็นผู้กระทำทั้งนั้น จุดเริ่มต้นมาจากเขาทั้งนั้น
เมียกอล์ฟ : ปกติเราไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่นิดเดียว ทุกครั้งถ้าลงต้นไม้ ก็ถามตลอดว่ามันเกะกะมั้ย พี่หนูขอโทษมั้ย แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดกับหนูเลย เราก็เลยไม่รู้ว่าเราต้องแก้ไขยังไง ถ้าเขาพูดแม้แต่คำเดียวว่าให้รื้อออกได้มั้ย ก่อนเขาแจ้งเทศบาลเราจะรีบทำให้เลย
ยายติ๊ก : แต่หนูคิดว่ามันผิดมั้ยไปตั้งไว้อย่างนั้น สมองหนูมีมั้ย
เมียกอล์ฟ : แม่คะ มันผิด หนูเข้าใจ แต่แม่ควรบอกเราก่อนถูกมั้ยก่อนไปแจ้งกับคนอื่น ถ้าแม่มาแจ้งหนูตรง ๆ แล้วหนูไม่แก้ไขให้แม่ แม่มาด่าหนูได้เลย ถูกมั้ยคะ แต่แม่เลือกไปฟ้องคนอื่นก่อนที่จะมาพูดกับคนบ้านตรงข้าม ที่เราหวัดดีกันทุกวัน เขาซื้อข้าวติดข้าวแมว อะไรทุกอย่าง เราช่วยเหลือกันบ้านตรงข้าม เรื่องแค่นี้น่าจะคุยกันได้
จอม : คุยก่อนนะครับ แต่เขาบอกพี่จะทำอะไรก็เชิญ คุยกันว่าขอรื้อถอนตรงนี้ได้มั้ย เขาบอกอยู่ตรงนี้ สร้างมานานแล้ว เหมือนไม่อยากเอาออก
วันนี้จบเนอะ ทางนี้ต้องการให้รื้อออกไป ?
ยายติ๊ก : ถ้าเอาออกก็ไม่มีปัญหา กาละมังแมวไม่เอามาไว้อีก
แม่จะคุยกับเขามั้ย ?
ยายติ๊ก : ปกติไม่ได้ทะเลาะไม่ได้โกรธอะไร แต่มันมีแบบนี้แหละ ถ้าไม่คุยกับสื่อมันไม่จบ อยู่อย่างนั้นแหละทั้งชาติ ไม่เห็นใจหัวอก เราอยู่ร่วมโลกกัน ต้องเห็นใจซึ่งกันและกัน
กอล์ฟ : ผมยินดีแก้ปัญหา
กลับไปอย่าทะเลาะกันนะ ?
กอล์ฟ : เรื่องนี้จะมีผลกระทบกับผมหลาย ๆ เรื่อง ถ้าไม่มีอะไร ถ้าคุยแล้วไม่เกิดปัญหา ผมก็ยินดีถอนเรื่องให้ แต่ขอต่อจากนี้ไป ถ้าพี่จะติดต่อใคร ประธาน กรรมการก็แล้วแต่ การเอาบุคคลที่สามมาคุย แล้วกล่าวอ้าง ไม่อยากให้เป็นเรื่องแบบนี้
มุมนึงเข้าใจเขามากนะ เวลาเขาขอให้เรารื้อ แม้แต่เรื่องประธานหมู่บ้าน บางทีกอล์ฟอาจลืมไปก็ได้ อาจเผลอพูดอะไรไปโดยที่จำไม่ได้ แต่คนฟังเขาคิดอีกแบบ เราอาจพูดแบบไม่มีอะไร แต่เขามี มันไม่สนุกหรอก เปิดบ้านมาเจอกันแล้วไม่มองหน้ากัน สุดท้ายไปเจอบนศาล ถามว่าวันนี้กอล์ฟแจ้งความ ทางนี้เขาสู้ แล้วตร.บอกว่าเขาไม่ได้ผิดนะ เขามาฟ้องเราฟ้องเท็จอีก กอล์ฟจะทำยังไง?
จอม : เราก็ไม่ฟ้องกลับเหมือนเดิมครับ
ยายติ๊ก : เราไม่ทำหรอก ไม่พยาบาทหรอก
จอม : อยากสานต่อความเป็นเพื่อนบ้าน เพราะยังไงก็ไปไหนไม่ได้หรอก
ยายติ๊ก : สุดท้ายก็อยู่ด้วยกัน
ชำนัญ : ผมว่าวันนี้คุณกอล์ฟอยู่ในสื่อแล้ว ถ้าบอกถึงเจตนารมณ์ว่าเราไม่ได้มีความตั้งใจอะไร เราก็ยุติเรื่องพวกนี้กันไป ผมว่าอย่างน้อยการกลับไปอยู่บ้านจะได้ไม่ระแวดระวังกัน ไม่มีการตั้งทัศนคติที่เป็นลบต่อกัน ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แล้วถ้ามองจากข้อหาผมว่าไปไม่รอด วันนี้เราพรีเซ็นต์ให้สังคมทราบได้ ใครก็แล้วแต่ที่เข้าใจเราผิด วันนี้เรามาเคลียร์ใจกันแล้ว เราเห็นแล้วว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น เราจับมือกัน ก็คงไม่มีใครมาทำให้ขัดแย้งจากตรงนี้ต่อ มันก็อยู่ที่ตัวเรา
คุณไปถอนเถอะ ?
กอล์ฟ : เดี๋ยวผมไปถอนให้ครับ แต่ผมขออย่างเดียว อย่าพูดพาดพิง
จอม : จบ ไม่ติดใจด้วยซ้ำ กอล์ฟจะทำยังไงก็บอกพี่ คุยกัน สร้างสรรค์สังคมให้มันน่าอยู่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส
วันที่ 6 มิถุนายน 2566 รายการโหนกระแส พูดคุยเรื่องปัญหาเพื่อนบ้าน กรณีหมู่บ้านในพื้นที่บางคูรัด หมู่บ้านเก่าอายุ 30 กว่าปี เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามสร้างหลังคายื่นออกมาหน้าบ้าน บนถนนสาธารณะ แล้วยังเอาเศษวัสดุ ข้าวของมาวางทำให้ได้รับความเดือดร้อน
- เพื่อนบ้านสุดทนจนต้องโวย
โดยคุณจอม ผู้ร้องเรียน เล่าว่า มาซื้อบ้านฝั่งตรงข้ามคู่กรณีได้ประมาณ 3 ปี เจอว่าเขาทำโรงรถหน้าบ้านยื่นออกมาตรงถนนหน้าบ้านเขา เอาผ้าขี้ริ้ว เอาที่นอนมาตาก เอากระบะทรายแมวมาวาง ซึ่งเจ้าของบ้านคนก่อนที่เขาขายบ้าน เคยพูดกับตนว่าสาเหตุที่ย้ายออกเพราะเพื่อนบ้านเอาของมาวางขวาง เป็นปัญหา เขาถึงกับลดราคาบ้านให้ ตนก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องอะไรร้ายแรง
ขณะที่คุณตุ้ย ภรรยาคุณจอม เผยว่า เวลาเขาขนของ ย้ายของ เขาจะขนออกมาวางหน้าบ้าน ไม่บอกไม่กล่าว เศษวัสดุ เศษอุปกรณ์อะไรต่าง ๆ มากองเต็มหน้าบ้านไปหมด ทั้งที่เขาก็มีที่หน้าบ้านเขา แต่ก็ขนของมาไว้หน้าบ้านเรา เขาบอกว่า เดี๋ยวมีรถมาขน เดี๋ยวมีคนมาเอา แต่ก็ผัดไปเรื่อย ๆ
ด้านแม่ของคุณจอม ลากกระบะทรายแมวไปเคาะเรียกและต่อว่าคู่กรณี เผยว่า แม่จะแวะเวียนไป ๆ มา ๆ ไม่ได้มาอยู่ถาวร แต่มาทุกครั้งจะเจอของกองขวางทางหน้าบ้านทุกครั้ง จนต้องไปต่อว่าว่าทำไมอยู่เป็นเพื่อนบ้านกันไม่เห็นใจ ไม่คิดถึงคนอื่นบ้าง ทำแบบนี้มันเดือดร้อน สุดท้ายจึงร้องเรียนไปทางประธานหมู่บ้าน แต่เรื่องก็ไม่ได้รับการแก้ไข จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเป็นข่าว
- ฝั่งเจ้าของบ้านตอบแบบนี้
คุณกอล์ฟ เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว กล่าวว่า ตนต่อเติมส่วนจอดรถออกมาจากหน้าบ้านตัวเองตั้งแต่ปี 2541 เพราะเพิ่งซื้อรถมาใหม่ ยอมรับว่าผิดที่ทำแบบนั้นรุกล้ำที่สาธารณะ แต่เข้าใจว่าบ้านหลังตรงข้าม ณ เวลานั้น ยังเป็นบ้านร้าง ไม่มีคนอยู่อาศัย ก็เลยคิดว่าทำได้ แต่ยอมรับว่ามันผิด ต่อมามีคุณตามาซื้อบ้านหลังตรงข้าม แล้วต่อเติมอะไรต่าง ๆ มีการก่อสร้างหลังคายื่นออกมา ก่อปูน ทำบ่อปลา ยื่นออกมาเกือบจะจรดกับหลังคาที่ตนทำยื่นออกไป ซึ่งทางครอบครัวตนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
แต่ก็ยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตนผิดจริง ๆ ส่วนเรื่องที่แม่ตนเอากระบะทรายแมวไปวางหน้าบ้านเขา พอได้รับเรื่องจากประธานหมู่บ้านก็รีบกลับมาเก็บทันที และบอกแม่แล้วว่าอย่าเอาไปวางแบบนั้นอีก ส่วนเรื่องเอาของไปวาง เศษวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ อันนี้ตนขอยืนยันว่าตนยกมือไหว้ ขอโทษ ขออนุญาตทุกครั้ง (ภรรยาคุณจอม บอกว่า เขาเอามาวางก่อนแล้วค่อยขอ)
- เรื่องลุกลามมีปากเสียงและขู่ทำร้ายกัน
เรื่องนี้มีการอ้างว่า ฝ่ายคุณจอมขอเบอร์ประธานหมู่บ้าน บอกจะให้คนมียศใหญ่โต โทร. ไปเคลียร์ เรื่องนี้คุณกอล์ฟไม่พอใจที่คุณจอมเอาคนใหญ่คนโตมาอ้าง ขณะที่ฝั่งคุณจอมก็บอกว่า คุณกอล์ฟเองก็อ้างว่าตัวเองสนิทสนมกับประธานหมู่บ้าน กับเจ้าหน้าที่เทศกิจ แจ้งไปเขาก็แค่ตักเตือน ไม่ลงโทษอะไร ซึ่งทางกอล์ฟยืนยันว่าไม่ได้พูด จนกลายเป็นประเด็นเดือดปะทะคารมกัน
- ฝั่งภรรยาคุณกอล์ฟเจ้าของบ้านดังกล่าว
ภรรยาคุณกอล์ฟบอกว่า คุณจอมไปร้องเรียนกับประธานหมู่บ้าน เขาก็มาแจ้งทางตนแล้ว ตนก็แก้ไขไปแล้วเรื่องการเอาของไปวางขวาง แต่เขาก็ยังมีเรื่องใหม่ไปร้องเรียนไม่หยุด ประธานหมู่บ้านเขาก็คงมองว่าทางครอบครัวคุณจอมไม่เข้าใจเพื่อนบ้าน ไม่เข้าใจชุมชนที่อยู่กันมาแบบนี้
- บทสรุปของเรื่องนี้จากนายกเทศมนตรี
ดร.พิมพ์พัชชา หยิมการุณ นายกเทศมนตรีเมืองบางคูรัด กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรยาก ไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ แต่สิ่งที่ตนกังวลคือข่าวที่ออกไปบอกว่าลูกบ้านสนิทกับนายกเทศมนตรี ร้องเรียนไปหลายเดือนเรื่องก็เงียบ เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ทางเทศบาลเพิ่งได้รับการร้องเรียนเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา แล้วก็ลงพื้นที่ไปตรวจสอบทันที ไม่ได้รู้จักกับลูกบ้านคนไหนเป็นการส่วนตัว
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะหมู่บ้านนี้เขาสร้างมาตั้งแต่ 30 กว่าปีก่อน ตอนนั้นยังไม่มีกฎหมายจัดการเรื่องอาคารสิ่งปลูกสร้างแบบทุกวันนี้ คนที่อยู่อาศัยเขาเอาที่จอดรถในบ้านไปเก็บของใช้ประโยชน์อย่างอื่น แล้วเอารถยนต์มาจอดหน้าบ้าน บางบ้านก็สร้างหลังคายื่นออกมา หลังจากนี้ทางคุณกอล์ฟจะต้องรื้อถอนส่วนที่ยื่นออกมาจากบ้าน เพราะทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เรื่องนี้ดำเนินการทันที ต้องเสร็จภายใน 30 วัน
- จะอยู่กันยังไง เปิดบ้านมาก็เจอกัน
กอล์ฟ : ผมก็ขอโทษ ผมผิดเองในเรื่องสิ่งปลูกสร้างที่ยื่นออกมา ผมไม่มีข้อแม้ใดๆ ผมทำวันนี้เลย แต่ขอเรื่องเดียวว่าการไปกล่าวอ้างคนโน้นคนนี้ พี่จะพูดหรือไม่พูดก็เรื่องของพี่แต่ขอว่าอย่า ถ้าพี่บอกว่าคำว่าถูกต้องในโซเชียล พี่ลองดูบ้านของพี่ด้วย มันเหลื่อมล้ำล้นเสาไฟมาเยอะมาก ผมก็ไม่เคยร้องเรียนใคร
จอม : แล้วมันเป็นเจตนาของเราหรือเปล่าที่ผิด
ยายติ๊ก : อันนี้เราซื้อมา กอล์ฟก็ต้องเข้าใจนะเราซื้อมามันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่ของหนูมันเพิ่งทำนะลูก ต้องคิดใหม่
จอม : ถ้าคิดว่าผมทำมาผิด โอเค ผมรื้อเหมือนกัน แต่นี่คือผมซื้อมา มันมาแบบนี้ แล้วก็รู้เมื่อวานว่ามันผิด
ก็ต้องเข้าใจบริบทด้วย เขาซื้อมา มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไปแจ้งเขาไม่ได้ว่าเขาผิด ?
กอล์ฟ : ถ้ามาตรฐานเดียวกันหมด ผมทำให้เลยวันนี้ ส่วนของพี่จะทำเมื่อไหร่ก็ทำ ถ้าพี่สะดวกก็ทำให้ถูก
งั้นกอล์ฟต้องไปบอกทุกคนที่เกินถนนมาให้รื้อให้หมด กอล์ฟทำได้มั้ย ?
กอล์ฟ : ผมแค่บอกว่าผมทำของผมก่อน ส่วนคนอื่นใครทำหรือไม่ทำ ไม่ได้เดือดร้อนกอล์ฟหรอก ไม่ต้องไปแจ้งเขาหรอก แต่พี่บอกว่าอยากให้สังคมมีมาตรฐานเดียวกัน ถ้าพี่อยากทำก็ทำให้เรียบร้อย แค่นั้นเอง แต่ผมทำก่อนเพราะผมผิด ยอมรับเลยว่าผิด ผมไม่ได้แก้ไขปัญหามันผ่านมาเนิ่นนาน
ไม่ใช่กลับบ้านไปองค์ลง จะไปตบเขาอีกนะ ?
กอล์ฟ : ไม่ ปกติผมไม่ค่อยได้พูดกับใคร อยู่ในบ้านตลอด ผมเกรงใจเขามากกว่า เจอพี่เขาก็สวัสดีเขาทุกวัน
เจอหน้ากันจะคุยกันได้มั้ย ?
จอม : ณ วันนี้ผมก็ไม่ได้โกรธเขาเป็นการส่วนตัว เอาแค่ประเด็นที่เป็นข่าวแค่นี้ เรื่องนี้จบก็จบ
ยายติ๊ก : แค่ทำให้ถูกต้องแค่นั้นแหละ
จอม : กอล์ฟจะไปแจ้งความก็ไปสู้กัน
กอล์ฟ : เรื่องการพาดพิงใครจะไม่พูดถึงบุคคลที่สามแล้วกัน
จะถอนมั้ย ?
กอล์ฟ : เดี๋ยวคุยกันอีกที เพราะผมกระทบไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว ผมมีหน้าที่การงาน วันนี้ข่าวออกไปเยอะแยะมากมาย ออกไปในทิศทางเดียวตอนแรก พี่เป็นคนพูดคนเดียว ฝ่ายเดียว ณ วันนั้นไม่มีใครมาสอบถามผม
จอม : ถ้านายกฯ ฟ้องผมไม่เสียใจเลย แต่นี่เป็นเขา เพราะเขาเป็นผู้กระทำทั้งนั้น จุดเริ่มต้นมาจากเขาทั้งนั้น
เมียกอล์ฟ : ปกติเราไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่นิดเดียว ทุกครั้งถ้าลงต้นไม้ ก็ถามตลอดว่ามันเกะกะมั้ย พี่หนูขอโทษมั้ย แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดกับหนูเลย เราก็เลยไม่รู้ว่าเราต้องแก้ไขยังไง ถ้าเขาพูดแม้แต่คำเดียวว่าให้รื้อออกได้มั้ย ก่อนเขาแจ้งเทศบาลเราจะรีบทำให้เลย
ยายติ๊ก : แต่หนูคิดว่ามันผิดมั้ยไปตั้งไว้อย่างนั้น สมองหนูมีมั้ย
เมียกอล์ฟ : แม่คะ มันผิด หนูเข้าใจ แต่แม่ควรบอกเราก่อนถูกมั้ยก่อนไปแจ้งกับคนอื่น ถ้าแม่มาแจ้งหนูตรง ๆ แล้วหนูไม่แก้ไขให้แม่ แม่มาด่าหนูได้เลย ถูกมั้ยคะ แต่แม่เลือกไปฟ้องคนอื่นก่อนที่จะมาพูดกับคนบ้านตรงข้าม ที่เราหวัดดีกันทุกวัน เขาซื้อข้าวติดข้าวแมว อะไรทุกอย่าง เราช่วยเหลือกันบ้านตรงข้าม เรื่องแค่นี้น่าจะคุยกันได้
จอม : คุยก่อนนะครับ แต่เขาบอกพี่จะทำอะไรก็เชิญ คุยกันว่าขอรื้อถอนตรงนี้ได้มั้ย เขาบอกอยู่ตรงนี้ สร้างมานานแล้ว เหมือนไม่อยากเอาออก
วันนี้จบเนอะ ทางนี้ต้องการให้รื้อออกไป ?
ยายติ๊ก : ถ้าเอาออกก็ไม่มีปัญหา กาละมังแมวไม่เอามาไว้อีก
แม่จะคุยกับเขามั้ย ?
ยายติ๊ก : ปกติไม่ได้ทะเลาะไม่ได้โกรธอะไร แต่มันมีแบบนี้แหละ ถ้าไม่คุยกับสื่อมันไม่จบ อยู่อย่างนั้นแหละทั้งชาติ ไม่เห็นใจหัวอก เราอยู่ร่วมโลกกัน ต้องเห็นใจซึ่งกันและกัน
กอล์ฟ : ผมยินดีแก้ปัญหา
กลับไปอย่าทะเลาะกันนะ ?
กอล์ฟ : เรื่องนี้จะมีผลกระทบกับผมหลาย ๆ เรื่อง ถ้าไม่มีอะไร ถ้าคุยแล้วไม่เกิดปัญหา ผมก็ยินดีถอนเรื่องให้ แต่ขอต่อจากนี้ไป ถ้าพี่จะติดต่อใคร ประธาน กรรมการก็แล้วแต่ การเอาบุคคลที่สามมาคุย แล้วกล่าวอ้าง ไม่อยากให้เป็นเรื่องแบบนี้
มุมนึงเข้าใจเขามากนะ เวลาเขาขอให้เรารื้อ แม้แต่เรื่องประธานหมู่บ้าน บางทีกอล์ฟอาจลืมไปก็ได้ อาจเผลอพูดอะไรไปโดยที่จำไม่ได้ แต่คนฟังเขาคิดอีกแบบ เราอาจพูดแบบไม่มีอะไร แต่เขามี มันไม่สนุกหรอก เปิดบ้านมาเจอกันแล้วไม่มองหน้ากัน สุดท้ายไปเจอบนศาล ถามว่าวันนี้กอล์ฟแจ้งความ ทางนี้เขาสู้ แล้วตร.บอกว่าเขาไม่ได้ผิดนะ เขามาฟ้องเราฟ้องเท็จอีก กอล์ฟจะทำยังไง?
จอม : เราก็ไม่ฟ้องกลับเหมือนเดิมครับ
ยายติ๊ก : เราไม่ทำหรอก ไม่พยาบาทหรอก
จอม : อยากสานต่อความเป็นเพื่อนบ้าน เพราะยังไงก็ไปไหนไม่ได้หรอก
ยายติ๊ก : สุดท้ายก็อยู่ด้วยกัน
ชำนัญ : ผมว่าวันนี้คุณกอล์ฟอยู่ในสื่อแล้ว ถ้าบอกถึงเจตนารมณ์ว่าเราไม่ได้มีความตั้งใจอะไร เราก็ยุติเรื่องพวกนี้กันไป ผมว่าอย่างน้อยการกลับไปอยู่บ้านจะได้ไม่ระแวดระวังกัน ไม่มีการตั้งทัศนคติที่เป็นลบต่อกัน ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แล้วถ้ามองจากข้อหาผมว่าไปไม่รอด วันนี้เราพรีเซ็นต์ให้สังคมทราบได้ ใครก็แล้วแต่ที่เข้าใจเราผิด วันนี้เรามาเคลียร์ใจกันแล้ว เราเห็นแล้วว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น เราจับมือกัน ก็คงไม่มีใครมาทำให้ขัดแย้งจากตรงนี้ต่อ มันก็อยู่ที่ตัวเรา
คุณไปถอนเถอะ ?
กอล์ฟ : เดี๋ยวผมไปถอนให้ครับ แต่ผมขออย่างเดียว อย่าพูดพาดพิง
จอม : จบ ไม่ติดใจด้วยซ้ำ กอล์ฟจะทำยังไงก็บอกพี่ คุยกัน สร้างสรรค์สังคมให้มันน่าอยู่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส














