อ.เจษฎา เตือนอันตรายจาก ฟิลเลอร์ปลอม มากกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่หน้าพัง แต่ถึงขั้นอัมพาต หรือเสียชีวิต แนะเลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือ
1. แบบชั่วคราว เป็นสารที่เลียนแบบน้ำในผิว นั่นคือ กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) มีอายุตั้งแต่ 4 เดือน ถึงปีครึ่ง
2. แบบกึ่งถาวร เช่น ซิลิโคน พาราฟิน หลังฉีดจะไม่สลายตามธรรมชาติ มักเป็นสาเหตุของการอักเสบ และเป็นตุ่ม เป็นก้อน หลังฉีดมานานหลายปี
ปัจจุบันสารที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ กรดไฮยาลูรอนิก เนื่องจากมีคุณสมบัติเฉื่อย ไม่ทำให้เกิดการแพ้ มีความคงตัว และอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานาน อีกทั้งเสื่อมสลายไปเอง สารนี้ช่วยสร้างความตึงให้กับผิวหนัง ดูอ่อนเยาว์ เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนโปรตีนเสื่อมสภาพลง ผิวหนังจึงยุบตัวลง ความเหี่ยวย่น ริ้วรอยร่องลึกจึงปรากฏ
และสามารถแก้ปัญหาผิวพรรณ เช่น ริ้วรอยและร่องลึกจากวัย ริ้วรอยหางตา ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มชั้นของผิวหนังให้หนาขึ้น ทำให้ร่องและริ้วรอยตื้นขึ้น แผลป็นชนิดผิวบุ๋ม แผลเป็นจากสิว ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่มีพังผืด เสริมผิวหนังให้มีลักษณะนูนเต็มขึ้นกว่าเดิม เสริมคาง เสริมจมูก หรือริมฝีปาก
ส่วนใหญ่ผลข้างเคียงจากฟิลเลอร์ จะไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่จะมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้
1. ผลข้างเคียงในระหว่างการฉีด : เส้นเลือดอุดตัน ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเนื้อตาย และอาจเข้าไปสู่เส้นเลือดที่เลี้ยงดวงตาทำให้ตาบอดได้ ภาวะฟกช้ำ ที่เกิดจากเข็มผ่านเส้นเลือด
2. ผลข้างเคียงในระยะแรก : มีลักษณะบวม นูน เป็นก้อน และขรุขระ เกิดการติดเชื้อเฉียบพลัน
3. ผลข้างเคียงในระยะยาว : เกิดตุ่ม ก้อน และบวม ในภายหลังจากการแพ้หรือติดเชื้อ มีหนองหรือน้ำเหลืองซึมจากการใช้ฟิลเลอร์ถาวร
เมื่อความนิยมมีมากขึ้น จึงมีหมอเถื่อนมากมายที่รับฉีดสารที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์ เช่น ซิลิโคนเหลวหรือฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ร่างกาย หรือที่ไม่ได้มาตรฐานตามสถานที่ต่าง ๆ
ผลที่เกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอมนั้นร้ายแรงอย่างไม่คาดคิด เมื่อฟิลเลอร์ปลอมเข้าไปในกระแสเลือดสู่สมอง จะทำให้เส้นเลือดแตกหรืออุดตัน เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ รวมถึงการแพ้สารฟิลเลอร์และเสียชีวิตตามที่เคยเป็นข่าวมาแล้ว
ในการฉีดฟิลเลอร์ จึงต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญหลายอย่างให้มาก เช่น สารที่ฉีดต้องปลอดภัย และแน่ใจว่าเป็นฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิก ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไม่ใช่สารอื่นที่หลอกว่าเป็นฟิลเลอร์ที่ขายกันในราคาถูก ที่สำคัญ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รู้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง เหมาะสม สามารถวิเคราะห์ปริมาณยาและตำแหน่งที่ฉีดได้แม่นยำ เพื่อความปลอดภัย