พ่อแม่ร้องขอความเป็นธรรม ลูกวัย 1 เดือน ท้องเสียเข้า รพ. สุดท้ายถูกตัดเท้า ด้าน ผอ. แจงสาเหตุเลือดเป็นกรด ต้องทำเพื่อรักษาชีวิต
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
จากกรณีพ่อแม่ร้องขอความเป็นธรรม ลูกอายุ 1 เดือน 10 วัน ท้องเสียเข้าโรงพยาบาล สุดท้ายถูกตัดเท้า โดยติดใจเรื่องการรักษาว่าทำไมลูกเสียเท้า อยากให้โรงพยาบาลออกมาชี้แจงสาเหตุให้ชัดเจน จนทราบว่าเรื่องราวดังกล่าวได้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ โดยเด็กหญิงรายดังกล่าวถูกตัดเท้าด้านขวา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า นพ.พรประสิทธิ์ จันทระ ผอ.โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า พ่อแม่เด็กพาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ด้วยอาการท้องเสียแต่ไม่ดีขึ้น จนวันที่ 24 มิถุนายน ทางโรงพยาบาลจะส่งเด็กไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพราะเด็กเลือดเป็นกรด ต้องทำการเจาะเลือด แต่เด็กตัวเล็กมาก ไม่สามารถเจาะได้เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่มีผู้เชี่ยวชาญ และได้ปรึกษากับพ่อแม่เด็กแต่พ่อแม่เด็กตัดสินใจจะส่งรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ จ.นราธิวาส
หลังจากออกจากโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ พ่อแม่ไม่ได้นำลูกเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชน แต่นำกลับมานอนพักที่บ้าน 1 คืน และในวันที่ 26 มิถุนายน พ่อแม่พาเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนที่แจ้งไว้ แต่หมอไม่สามารถที่จะรักษาเด็กได้ เนื่องจากไม่สามารถเจาะเลือดเด็กได้เช่นกัน จึงได้ส่งตัวเด็กมารักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อีกครั้ง ถ้าไม่เจาะจะขาดน้ำและเสียชีวิตได้
จนวันที่ 27 มิถุนายน ทางโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ทำการส่งตัวเด็กไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาลยะลา เนื่องจากเส้นเลือดดำใหญ่เริ่มตีบ เมื่อเจาะเสร็จทางโรงพยาบาลยะลาส่งเด็กกลับมารักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ดังเดิม และในวันที่ 29 มิถุนายน ทางโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ปรึกษาพ่อแม่ว่าจะส่งตัวเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เนื่องจากเท้าเด็กเริ่มมีสีดำคล้ำ แต่พ่อแม่ตัดสินใจไม่ได้ ส่งผลให้ต้องเสียเวลาไป 1 วัน
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
วันที่ 30 มิถุนายน พ่อแม่ตัดสินใจให้ส่งลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ตามคำแนะนำของหมอ เนื่องจากที่ดังกล่าวมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเส้นเลือดเฉพาะทาง เมื่อแพทย์พบเด็กจึงแจ้งพ่อแม่จำเป็นต้องตัดเท้าด้านขวา เพื่อรักษาชีวิตเด็กไว้ ซึ่งในขั้นตอนเรื่องการฟื้นฟู ทางโรงพยาบาลจะดูแลเต็มที่ ในส่วนของการเยียวยา ก็เป็นไปตามขั้นตอนของสิทธิทุกประการ ทางโรงพยาบาลเอง เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นเราก็จะทบทวนต้นตอจุดอะไรที่เราจะปรับปรุงได้บ้างที่จะไม่ให้มีเกิดขึ้นอีก ซึ่งขั้นตอนนี้เราดำเนินการแล้ว ถึงแม้ว่าจะดีแล้วแต่จะทำให้สมบูรณ์กว่านี้ ส่วนแผนการระยะยาวเราจะสร้างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ครบทุก ๆ ด้านเพื่อชาวนราธิวาส
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของครอบครัวเด็ก เบื้องต้น ร.ต.อ. โสรจ ชนะพันธ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส ได้รับการชี้แจงว่า ในเรื่องดังกล่าวนางอังคณา อายุ 61 ปี ป้าของแม่เด็ก เดินทางมาลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานแทนพ่อแม่เด็ก เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ส่วนที่บอกว่าคดีไม่คืบหน้านั้น ตนได้ประสานไปยังพ่อแม่เด็กแล้ว แต่พ่อแม่ไม่สะดวกที่จะมาให้ปากคำ เพราะต้องดูแลอาการลูกที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และตนได้ประสานไปยัง 2 โรงพยาบาลเพื่อขอใบการชันสูตรโรคทั้ง 2 แห่ง และทางโรงพยาบาลได้ส่งมาให้เรียบร้อย แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากเป็นหลักฐานทางคดี ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงสอบปากคำพ่อแม่เด็ก และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ก่อนที่จะดำเนินการขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป