ทูตนอกแถว เล่าเรื่องอื้อฉาวกระทรวงต่างประเทศ มีบุคคลปริศนาเสนอตัวขอพบ รมว.กลาโหม สหรัฐฯ แต่วีนแตกที่ดูไบเพราะไม่มีใครไปรับ สุดท้ายบินไปเก้อ เสียงบประมาณ 9 แสนบาทไปฟรี ๆ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 6 กรกฎาคม 2566 เฟซบุ๊ก ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns ของนายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ มีการโพสต์เรื่องเล่าอื้อฉาวในวงการกระทรวงต่างประเทศ แม้ตัวเองจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็ยังรับรู้ถึงเรื่องนี้ได้ เรื่องราวที่นายรัศมิ์เล่า มีดังนี้
ไม่กี่วันที่ผ่านมามีเรื่องที่น่าขำและไม่น่าขำในกระทรวง เรื่องมีอยู่ว่า ทางสถานทูตไทยที่กรุงวอชิงตัน ดีซี จะจัดงานเทศกาล Thai Festival ซึ่งเป็นงานที่จัดเป็นประจำต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว และในปีนี้ได้รับเกียรติจาก รมว.กลาโหม สหรัฐฯ มาร่วมงานเป็นการส่วนตัว ทำให้คนในกระทรวงที่มาจากการเมือง คิดใช้โอกาสนี้พบปะเขาได้ มีการขอนัดพบและจัดซื้อหาของขวัญไปฝาก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ ตัวเองไม่ได้อยู่ในระดับคณะรัฐมนตรี แต่กลับเดินทางไป พอถึงที่ดูไบ ก็ไม่มีคนของสถานกงสุลใหญ่มาต้อนรับ ทำให้ตัวเองโกรธมาก จนกลายเป็นดราม่า แต่ข้อมูลที่ทราบมาคือ มีการประสานมาล่วงหน้าแล้วว่าจะไม่ส่งคนเข้าไปรับ เพราะเป็นช่วงวันหยุดสำคัญทางศาสนาของชาวมุสลิม เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของสถานกงสุลฯ หยุดหมด อีกทั้งเจ้าหน้าที่ที่ติดตามบุคคลนี้ เป็นนักการทูตที่เพิ่งกลับมาจากดูไบ และต้อนรับคณะต่าง ๆ มาก่อน น่าจะทำการต่อเครื่องได้เอง
นายรัศมิ์ มองว่า เรื่องนี้ประเด็นสำคัญคือ การสำคัญตนผิด ไม่รู้จักตัวเองและความเหมาะสม เพราะการไปครั้งนี้ผิดแต่แรก มีทั้งหมด 4 เหตุผล คือ
1. ตนเองไม่ได้มีตำแหน่งระดับรัฐมนตรีที่ฝ่ายสหรัฐฯ จะอยากเข้าพบ
2. รัฐบาลไทยกำลังจะหมดอำนาจ ต่อให้เป็น รมว.ต่างประเทศ คนปัจจุบันไปเองก็อาจไม่ให้พบ
3. ฝ่ายสหรัฐฯ แจ้งมาว่าจะมาเป็นการส่วนตัว การที่ไปขอพบปะหารือถือว่าผิดมารยาท
4. การนำของขวัญไปให้ แต่สหรัฐฯ เขามีกฎห้ามรับของมูลค่ามากกว่าไม่กี่สิบเหรียญ ของแบบนี้ก็น่าจะรู้ และคนระดับนี้ของสหรัฐฯ ไม่เห็นแก่ของขวัญอะไรหรอก และเขาก็ไม่ให้พบ
การเดินทางไปครั้งนี้ ใช้งบ 9 แสนบาท ที่งบสูงเพราะบินเฟิสต์คลาส ในแง่ระเบียบก็ดูแปลก ๆ แถมมาฟาดงวงฟาดงาว่า ไม่มีใครไปต้อนรับตอนต่อเครื่องอีก เรื่องนี้ สิ่งที่น่าคิดคือ ความคุ้มค่าของภาษีประชาชนที่ตอบได้หรือไม่ว่า ตกลงไปแล้วได้อะไรกันแน่ และต้องถามถึงจริยธรรมของผู้ที่อนุมัติการเดินทางครั้งนี้
