สรุปอภิปรายประเด็นเด็ดช่วงเช้า ชาดามวยคู่เอกฟาดพิธา ปม ม.112 ลั่น อยากมีกฎหมายยิงคนหมิ่นสถาบันไม่ผิด ทำพิธาตกใจมาก ส่วนมวยคู่รอง ส.ว. บอก ขาดคุณสมบัติ เจอสวนกลับนิ่ม ๆ
วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 หลังจากที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีในการโหวตวันนี้ ซึ่งขั้นตอนถัดไปก็คือ การอภิปรายแคนดิเดตที่ถูกเสนอชื่อขึ้นมา
โดยคนแรกที่อภิปราย คือ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส. พรรคภูมิใจไทย เปิดประเด็นเรื่องมาตรา 112 ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคก้าวไกล ในหลาย ๆ ประเด็นด้วยกัน เช่น มีช่วงหนึ่งที่นายชาดา อ้างว่า ประเทศไทยมีประชากรกว่า 60 ล้านคน ท่านต้องเป็นนายกฯ ของประเทศไทย ท่านต้องไม่เป็นนายกฯ หรือรัฐบาลของพรรคใดพรรคหนึ่ง อันนี้สำคัญที่สุดครับ 14 ล้านเสียง ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ท่านอย่านึกว่ามันมากมาย มันเป็นพลังของประชาชน มันยิ่งใหญ่สำหรับพวกเรา แต่ท่านอย่าหลงระเริงกับคำว่า 14 ล้านเสียง
ขอเป็นโจรที่รักสถาบัน ปกป้องสถาบันด้วยหัวใจ
นอกจากนี้ นายชาดายังพูดถึงคำนิยามทางการเมืองระหว่างฝั่งประชาธิปไตยกับเผด็จการด้วยว่า ผมก็ไปเดินหาเสียง ลุงตู่ไม่ได้แต่งตั้ง หรือคณะ คสช. แต่งตั้ง ผมก็ได้รับเลือกตั้งมาเหมือนกัน แบบนี้ผมเป็นฝั่งไหน ฝั่งโจรหรือ ? เป็นโจรก็ยอมครับ เป็นโจรที่รักชาติ เป็นโจรที่รักสถาบัน เป็นโจรที่ปกป้องบ้านเมืองนี้ ปกป้องสถาบันด้วยหัวใจ บรรพบุรุษผมมาจากต่างประเทศ มาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร วันนี้อยู่ดีกินดีมากกว่าคนไทยแท้ ๆ อีกหลายล้านคน แล้วถ้าผมไม่สำนึก ไม่กตัญญูต่อแผ่นดิน ผมก็ไม่มีความเป็นคน
"ผมเรียนครับว่าบ้านเรามีเจ้าของ สิ่งที่บรรพบุรุษที่ทำมามันมากมายเหลือเกิน เราอาศัยเขามาอยู่ สงครามมันวุ่นวายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2310 พม่ามาโจมตี แต่เขาให้เราอยู่ สุดท้ายลูกหลานมาไล่เจ้าของบ้าน ผมเรียนด้วยความเคารพ ถ้าไม่ใช่พระเมตตาของสถาบันพระมหากษัตริย์ ท่านไม่ได้เลือกตั้งหรอกครับ (ชี้นิ้วไปทาง ส.ส. พรรคก้าวไกล) ท่านไม่มีทางได้ 140 ที่นั่ง ท่านลองไปพม่า อเมริกาช่วยอะไรได้ ทหารมันยิงดิ้นหมด วันนี้ถ้าไม่มีในหลวง ไม่มีสถาบัน ลุงตู่ ลุงป้อมไม่ได้กลับบ้านง่าย ๆ หรอกครับ"
ขอออกกฎหมายใหม่ ยิงคนที่หมิ่นสถาบันไม่ติดคุก
ส่วนประเด็นที่พีคที่สุดของนายชาดา จนทำให้หลายคนวิจารณ์กันสนั่นก็คือ "ผมถามว่า ใครก็รักพ่อแม่ตัวเอง แล้วถ้าท่านปล่อยให้คนด่าแล้วไม่มีกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ ยิงกันระเบิดแน่เมืองนี้ ประเทศไทยนี่แหละจะยิงกันวายป่วง ผมอาจจะขอเขาว่า ขอออกกฎหมายใหม่ ยิงคนที่หมิ่นสถาบันฯ แล้วไม่ติดคุกดีไหม มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว" ซึ่งกล้องจับไปที่นายพิธาที่ทำหน้าเหวอ
พิธา ทำหน้าตกใจหลังได้ยินชาดา พร้อมตอกกลับนิ่ม ๆ
สุดท้าย ผู้นำที่ดีของประเทศนี้ต้องมีความอดทนอดกลั้น รับฟังข้อกล่าวหาที่จะจริงหรือไม่จริงก็แล้วแต่ อันนี้คือ 4 ข้อที่ผมสัญญา ผ่านท่านประธานและท่านชาดา ท่านที่อยู่ในรัฐสภา รวมถึงสภาสูงที่กำลังรับฟังอยู่ อันนี้คือ 4 คุณลักษณะสำคัญของผู้นำที่ประเทศไทยควรจะมี"
"ในการใช้สิทธิ์พาดพิงคงจะสั้น ๆ ครับ เรื่องที่เห็นด้วยกับท่านชาดาก็มีคือ ไม่ได้อยู่ใน MOU 8 พรรค เพราะ MOU คือความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาลในการเข้าสู่อำนาจ ในการแก้ไขกฎหมายคือนิติบัญญัติครับ อยู่ที่นี่ แล้วใครก็ตามที่ยื่นเสนอข้อกฎหมายก็ไม่มีใครผูกขาดชุดความคิดใดชุดความคิดหนึ่ง คนที่อายุมากกว่าผมอาจจะคิดอีกแบบหนึ่ง คนที่อายุเท่าผมอาจจะคิดอีกแบบ คนที่อายุน้อยกว่าผมอาจจะคิดอีกแบบหนึ่ง นี่คือหน้าที่สภาในการแก้ไขข้อกฎหมาย ถ้าเราพูดอย่างมีวุฒิภาวะ พูดไม่มีคำหยาบคาย นี่คือทางออกประเทศในทุกความขัดแย้ง นี่คือเหตุผลที่ผมเห็นด้วยกับคุณชาดาเป็นอย่างยิ่ง
แต่สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยและอาจเป็นข้อคลางแคลงใจอยู่ นั่นคือ อาชญากรรมทางสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ตรงนี้เนี่ย ข้อที่ท่านชาดาพูด ประเทศที่อยู่ในระบอบเดียวกับเรา เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตามที่เราเข้าใจคือ พระองค์ท่านอยู่เหนือการเมือง ท่านทรงใช้อำนาจผ่าน ครม. อยู่แล้ว ตรงนี้ไม่ได้เป็นประเด็นที่กล่าวหา และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับการเข้า ICC คือ มีคนพูดว่า ใครหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เอาปืนไปยิงมันเลย ผมไม่แน่ใจว่าญาติผู้สูญเสียตั้งแต่ 99 ศพ 6 ตุลา 14 ตุลา เขาจะรู้สึกยังไงกับการที่อภิปรายในสภาแบบนี้"
มวยคู่รอง ส.ว.ประพันธ์ คูณมี ชี้พิธาขาดคุณสมบัติ
เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า นอกจากนายชาดาแล้ว ยังมีนายประพันธ์ คูณมี ส.ว. ออกมาอภิปรายในตอนหนึ่งว่า บุคคลที่เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม จึงไม่เห็นด้วยที่จะเสนอนายพิธาเป็นนายกฯ
ส่วนนายพิธา ก็ใช้สิทธิ์ตอบกลับว่า มันมีศาลเตี้ยในรัฐสภาแบบนี้ไม่ได้ ผมยังไม่มีโอกาสที่จะชี้แจงแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อปี 2562 ถ้าจำไม่ผิด ท่านบอกว่ารัฐบาลเสียงข้างมากที่รวมเสียงได้มากที่สุดจนออกมา 249 เสียงของ ส.ว. ไม่มีแตกแถว ฉะนั้นไม่ต้องกังวล ผมรัดกุมมาตลอดเกี่ยวกับการยื่น ป.ป.ช. ในเรื่องคุณสมบัติ และยอมรับการตรวจสอบ ยังดีกว่าบางคนที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือ กกต. ก็ตาม