
ภาพจาก เฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล
วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ได้มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี โดยเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ผู้เดียว หลังจากการลงคะแนนเสร็จสิ้งผลปรากฏว่า นายพิธา ได้รับการเห็นชอบเพียง 324 เสียง ทำให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้นั้น
อ่านข่าว : ผลโหวตนายกฯ 13 ก.ค. 66 ทิม พิธา ยังไม่ได้เป็นนายกฯ - เห็นชอบไม่ถึงครึ่ง !
ภาพจาก สปริงนิวส์
แน่นอนว่าการประชุมร่วมรัฐสภาในครั้งนี้ หลายฝ่ายจับตาไปที่เหล่าสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ ว่าจะมีกี่รายที่ออกเสียง "เห็นชอบ" ให้นายพิธาเป็นนายกฯ คนที่ 30 ของไทย ซึ่งสุดท้ายหลังจากออกเสียงเสร็จสิ้นมี ส.ว. เพียง 13 จาก 250 คน โหวตเห็นชอบ พิธา นั่งนายกฯ ได้แก่
1. ศ.เกียรติคุณ นพ.ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์
2. จรุงวิทย์ ภุมมา
3. เฉลา พวงมาลัย
4. ซากีย์ พิทักษ์คุมพล
5. ณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง
6. ประภาศรี สุฉันทบุตร
7. พิศาล มาณวพัฒน์
8. พีระศักดิ์ พอจิต
9. มณเฑียร บุญตัน
10. วันชัย สอนศิริ
11. วุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์
12. สุรเดช จิรัฐิติเจริญ
13. อำพล จินดาวัฒนะ
ทั้งนี้คนที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้น ส.ว.วันชัย สอนศิริ ที่ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2564 เคยพูดว่า "ถ้า ส.ส. รวมกันได้เกิน 250 ยังไง ๆ ส.ว. ต้องเลือกคนนั้น เป็นนายกรัฐมนตรี" นอกจากนี้เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ยังโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตนเองมีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดในความจงรักภักดีอย่างหนักแน่นมั่นคงตลอดชีวิต แต่ก็ยังยืนยันจุดยืนว่าใครรวมเสียง ส.ส. ได้เกินกว่ากึ่งหนึ่ง ก็จะเลือกพรรคนั้นคนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นพิธาหรือใคร ก็จะโหวตให้ในหลักการเดิม
ซึ่งสุดท้ายในการลงคะแนนโหวตเลือกนายกฯในวันนี้ ส.ว.วันชัย ก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้ลุกขึ้นประกาศ "เห็นชอบ" ให้นายพิธา เป็นนายกฯ ตามที่เคยประกาศเอาไว้จริง ๆ








