หนุ่มเล่านาทีขับรถตกคูน้ำคืนฝนถล่ม ไม่มีป้ายเตือน รอดเพราะเหตุนี้... เร่งสอบด่วน !

          หนุ่มแชร์ประสบการณ์เฉียดตาย ขับรถบนถนนวิภาวดีฯ คืนฝนถล่มกรุงเทพฯ น้ำท่วมจนไม่เห็นคูน้ำลึก ตกใจอยู่ดี ๆ รถจมดิ่ง รอดมาได้เพราะมีสติ โพสต์คลิปหลักฐาน ยันไม่มีป้ายเตือนใด ๆ


          เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 ผู้ใช้ TikTok @pariss.chan ได้โพสต์คลิปเล่านาทีเฉียดตาย หลังขับรถผ่านเส้นวิภาวดีรังสิต ซอย 28 ในคืนฝนตกหนักเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พร้อมแคปชั่นว่า "แชร์ประสบการณ์รถไฟฟ้าจมน้ำ !!!"

          ในคลิปเจ้าตัวเล่าว่า เป็นคืนที่ฝนตกหนักมาก และบริเวณซอยดังกล่าวน้ำท่วมสูงขึ้นมาเสมอบนถนน ทำให้ไม่เห็นว่ามีคูน้ำอยู่จึงขับไปปกติ แต่จู่ ๆ รถก็ค่อย ๆ จมลงไปเรื่อย ๆ ทีแรกนึกว่าตกแอ่งหรือหลุมถนน พยายามเหยียบคันเร่งแต่รถก็ไม่ไป จึงรู้แล้วว่าตัวเองขับรถตกคลองหรือตกคูน้ำ

          ตอนนั้นตกใจมากคิดว่าตายแน่ ๆ แต่ก็พยายามตั้งสติและโชคดีรถไฟฟ้าสามารถกันน้ำได้ 30-40 นาที จึงตัดสินใจเปิดประตูออกแล้วรีบว่ายน้ำขึ้นฝั่ง ก่อนจะยืนมองรถป้ายแดงจมลงไปต่อหน้าต่อตา


          นอกจากนี้ในคลิปเจ้าตัวได้ยืนถ่ายคลิปเพื่อเป็นหลักฐานให้ดูว่าบริเวณที่เกิดเหตุ ไม่มีแม้แต่ที่กั้นหรือป้ายเตือนว่าเป็นคูคลอง หรือเป็นพื้นที่กำลังก่อสร้างแต่อย่างใด ซึ่งหลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบด้วย

          ล่าสุด (23 กรกฎาคม) เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า นายสว่าง บูรณธนานุกิจ ผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างทางที่ 1 กรมทางหลวง (ทล.) ได้รับรายงานอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เหตุเกิดบริเวณโครงการพัฒนาคูน้ำริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) ระยะที่ 2 ตอนที่ 2 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

          จุดเกิดเหตุเป็นถนนทางเชื่อมจะเข้าซอยวิภาวดีรังสิต 28 ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้น เพราะปกติแล้วในช่วงระหว่างที่ดำเนินโครงการ ทล. เน้นย้ำผู้รับจ้างในเรื่องความปลอดภัยมาโดยตลอด ต้องมีการติดตั้งป้ายเตือน ป้ายจราจร และติดตั้งแบริเออร์ เพื่อให้ผู้ใช้ทางระมัดระวังและป้องกันอุบัติเหตุ

          ดังนั้นกรณีอุบัติเหตุดังกล่าว ทล. จึงขอตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร เพื่อหาข้อบกพร่อง หรือข้อผิดพลาด และแนวทางแก้ปัญหา ขณะเดียวกันได้ให้ผู้รับจ้างโครงการดังกล่าวประสานไปทางผู้เสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือและเยียวยาต่อไป



ขอบคุณข้อมูลจาก TikTok @pariss.chan, เดลินิวส์ออนไลน์