เพื่อไทย ประกาศฉีก MOU 8 พรรคร่วม ผลักก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน
ยันไม่มีนโยบายแก้มาตรา 112 และจะรีบแก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา เลือกตั้งใหม่
ผลักดันนโยบายอื่น ๆ ทั้งเรื่องเกณฑ์ทหาร สุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม

ภาพจาก เฟซบุ๊ก พรรคเพื่อไทย
จากกรณีที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล
มีการนัดหารือกันในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 2 สิงหาคม
2566 ซึ่งสื่อคาดการณ์กันว่าอาจจะมีการฉีก MOU
และให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ส่วนนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล
กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ยอมรับว่าโอกาสที่พรรคจะได้ร่วมรัฐบาลมีน้อยแล้ว
อ่านข่าว : อมรัตน์ เตือน เพื่อไทยโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่าเดินเกมพลาด รับโอกาสรัฐบาลเหลือน้อย
อ่านข่าว : อมรัตน์ เตือน เพื่อไทยโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่าเดินเกมพลาด รับโอกาสรัฐบาลเหลือน้อย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก พรรคเพื่อไทย
ล่าสุด ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน พรรคเพื่อไทย ออกแถลงเกี่ยวกับผลการหารือกับพรรคก้าวไกล และมีมติฉีก MOU ระหว่าง 8 พรรคทิ้ง เตรียมฟอร์มรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งในแถลงมีหัวข้อว่า "เริ่มต้นใหม่ ร่วมผ่าทางตัน หาทางออกให้ประเทศ"
เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคก้าวไกล เพื่อไทย และอีก 6 พรรค รวมเสียงได้ 312 เสียง จัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ มีการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งทางพรรคมีข้อสรุปว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112
กระทั่งวันที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกล ไม่สามารถรวมเสียงจากรัฐสภาได้ โดยมีเพียง 324 เสียงจาก 376 เสียง ซึ่งทางพรรคก็สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างเต็มความสามารถ ทั้งการอภิปรายและยกมือสนับสนุน 141 เสียง แต่พรรคการเมืองอื่นกับวุฒิสภาไม่ยอมรับการแก้ไขมาตรา 112
อย่างไรก็ตาม ทางพรรคก้าวไกลก็ไม่เปลี่ยนท่าทีในเรื่องนี้ จึงเป็นการแน่ชัดว่าจะไม่ผ่านการลงมติเห็นชอบจากรัฐสภาได้ ดังนั้นจึงส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยหาเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองนอกกลุ่มพรรคร่วมเดิม รวมถึง สว. แต่ทั้งหมดก็ยังติดเรื่องมาตรา 112
ในสถานการณ์เช่นนี้ พรรคปรึกษากับพรรคก้าวไกลและขอถอนตัวการร่วมมือกัน และเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ เสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรายืนยันชัดเจนว่าจะไม่แก้ไขมาตรา 112 จะไม่มีพรรคก้าวไกลในพรรคร่วม
หลังจากนี้เราจะผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตั้งรัฐบาลอย่างยากลำบาก และก่อให้เกิดวิกฤตในประเทศ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ หารือตั้งแต่ประชุม ครม. นัดแรก มีการทำประชามติ จัดตั้ง สสร. ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อดำเนินการเสร็จ รัฐบาลจะคืนอำนาจให้ประชาชนในการเลือกตั้งใหม่ ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วม จะเสนอนโยบายกฎหมายสมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า ปฏิรูประบบราชการตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบไม่สมัครใจ กระจายอำนาจต่าง ๆ ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการค้าอย่างเป็นธรรมต่อไป
ชลน่าน ยังไม่เผย พรรคร่วมใหม่มีใครบ้าง - พรรคไหนจะตามมา เป็นวิจารณญาณ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก พรรคเพื่อไทย
ด้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทั้ง 8 พรรครับทราบการตัดสินใจในครั้งนี้แล้ว โดยมีการยื่น 3 ประเด็น คือ
1. เหตุผลและความจำเป็นในการตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล
2. พรรคอื่นจะตัดสินใจร่วมหรือไม่อย่างไรเป็นดุลยพินิจของพรรค
และในวันพรุ่งนี้จะมีการแถลงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ โดยที่ นพ.ชลน่าน เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะผ่านการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 สิงหาคม 2566 แน่นอน
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า การตกลงครั้งนี้ไม่ใช่การเกี้ยเซี้ยกัน เป็นการที่ต่างคนต่างไปทำหน้าที่ และนโยบายที่สำคัญของพรรคก้าวไกลนั้น พรรคเพื่อไทยพร้อมสนับสนุน พรรคเพื่อไทยพร้อมเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และไม่แตะต้องเรื่อง ม.112
ขณะที่ นางอมรัตน์ ทวีตข้อความเอาไว้ว่า มีแกนนำพรรคเพื่อไทยคนหนึ่งพูดว่า ไม่ต้องการเสียงของพรรคก้าวไกลในการโหวตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากอาจจะทำให้ สว. ไม่พอใจ และ สว. อาจระแวงได้ว่าต่อไปอาจจะเอาก้าวไกลมาร่วมรัฐบาล
เมื่อมีคนถามว่า แกนนำพรรคคนนั้นคือใคร นางอมรัตน์ตอบสั้น ๆ ว่า "อ้วน"

