จับแก๊งแฮกระบบกรมขนส่งทางบกขายรถหรู แฉลูกค้าเป็นกลุ่มชอบรถโบราณ เตรียมเรียกดารา ม. เข้าพบเพื่อสอบปากคำ พร้อมเล่ากระบวนการนี้อย่างละเอียดยิบ
เมื่อวานนี้ (3 สิงหาคม 2566) เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand รายงานว่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วยงานร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการพลิกถนนล่ารหัสโจรกรรม
มีผู้ต้องหา 2 รายคือ นายเสถียร เรืองสมุทร วัย 38 ปี และนายศริสร
สุทธิเจต วัย 44 ปี พร้อมของกลางรถหรูหลายรายการ เช่น Audi คิว 8,
เมอร์เซเดส เบนซ์ G300, ออสติน มินิ แวน, ซากรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู E3,
BMW 3.0 CSL, เครื่องปั้มเพลท, แผ่นเพลต และเล่มทะเบียนรถจำนวนมาก
พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ
ผอ.ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เปิดเผยว่า วันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา
กรมการขนส่งทางบกพบความผิดปกติในการเข้าใช้งานโปรแกรมปรับฐานข้อมูลของผู้ดูแลระบบงานด้านทะเบียนรถยนต์
จึงมีการตรวจสอบย้อนหลัง พบว่า มีคนลักลอบนำชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน
ของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกไปใช้ดำเนินการ แก้ไขปรับปรุงข้อมูลรถยนต์
และรถจักรยานยนต์ในระบบงานตรวจสภาพรถ และมีรถถูกเปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งสิ้น
65 คัน จึงมาร้องเรียนทางหน่วยงาน
ซึ่งทางหน่วยงานก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย เปิดปฏิบัติการตรวจค้น 35
จุด ยึดรถที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด 65 คัน มูลค่า 77 ล้านบาท จากนี้
จะมีการออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ
เพื่อทราบถึงแหล่งที่มาของรถที่ครอบครอง
ถ้าหากมีลูกค้าต้องการแก้ไขข้อมูลรถที่ตัวเองครอบครอง นายศริสร จะเป็นตัวกลางในการติดต่อกับนายเสถียรให้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลตามที่ลูกค้าต้องการ และเมื่อคนร้ายแก้ไขข้อมูลในระบบแล้วจะติดต่อกรมการขนส่งทางบกว่าเล่มทะเบียนหาย เพื่อให้ออกเล่มทะเบียนใหม่ เจ้าหน้าที่ที่ไม่ทราบการแก้ไขข้อมูลนี้ ก็จะออกทะเบียนเล่มใหม่ให้ ทำให้รถนี้เป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย นำไปขายหรือโอนต่อได้
สำหรับอัตราค่าบริการ แบ่งเป็น 3 อัตรา ดังนี้
1. ขายหรือจำนำเล่มทะเบียนรถยนต์ ราคา 5 แสน ถึง 1.5 ล้านบาท
2. จ้างเปลี่ยนข้อมูล ราคา 1.4 ถึง 2 ล้านบาท
3. ขายเล่มทะเบียนพร้อมรถยนต์ ราคาประมาณ 1 ล้าน ถึง 3 ล้านบาท
ทั้งนี้ ระบบของกรมการขนส่งทางบกมีการวางระบบป้องกันอยู่แล้ว แต่ทางผู้ต้องหาอาศัยความคุ้นชินกับเจ้าหน้าที่เข้าไปจดจำรหัสผ่าน โดยใช้คอมพิวเตอร์ของตัวเองเข้าอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ของกรม ทำให้บุคคลภายนอกเข้าใช้อินเทอร์เน็ตทะลวงเข้าไปในระบบได้
กลุ่มผู้ก่อเหตุ มี 3 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มแก้ไขข้อมูลรถยนต์ที่ไม่มีมูลค่า เปลี่ยนเป็นให้มีมูลค่าสูง ก่อนนำเล่มทะเบียนไปขาย 1 ล้านบาท
2. กลุ่มคนซื้อเล่มทะเบียนรถไป เพื่อไปหารถยนต์ที่มีสภาพตรงกับข้อมูลในเล่มทะเบียน แล้วก็ไปเปลี่ยนเลขตัวถังรถยนต์ เพราะสามารถยึดที่ปั๊มเพลตรถยนต์ได้ กลุ่มนี้จะขายรถราคา 1 ล้านบาท เล่มทะเบียนรถยนต์อีก 1 ล้านบาท รวม 2 ล้านบาท
3. กลุ่มมีรถยนต์ มีเล่มทะเบียน แต่จดทะเบียนไม่ได้ จึงว่าจ้างให้อีกคนไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบก โดยประสานผ่านผู้ต้องหา เปลี่ยนราคาคันละ 1.4-2 ล้านบาท
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการแก้ไขข้อมูล นำข้อมูลปลอมเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเข้าถึงรหัสโดยมิชอบ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และหลังจากนี้จะขยายผลถึงกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ครอบครองรถยนต์ที่ต้องสงสัยก็จะออกหมายเรียกให้นำรถยนต์เข้ามาตรวจสอบ รวมทั้งทำหนังสือถึงกรมศุลกากร ถึงการนำเข้ารถยนต์และการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรถยนต์
หลังจากนี้จะมีการเรียกดารา ม. กลุ่มคนมีชื่อสอบที่มาของรถ หลังพบความเชื่อมโยง และเตรียมสอบเจ้าหน้าที่ 7 คนที่มีความเกี่ยวข้องกับพาสเวิร์ด หากมีความผิดจะฟันวินัย - อาญา
ขอบคุณข้อมูลจาก เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand