ร้านของเล่นสุดทนมาเฟียสะพานเหล็ก ฉุนไล่เด็กเส้นออก บุกทำร้ายหุ้นส่วนหญิง - พนง. ซ้ำข่มขู่สั่งปิดร้าน ด้านเจ้าตัวแจงอีกมุม ขู่คนเมนต์มั่วระวังโดนฟ้อง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Atongshopp 玩具
กำลังกลายเป็นประเด็นที่สร้างความตกใจให้กับเหล่านักสะสมฟิกเกอร์และยูทูบเบอร์ กรณีวันที่ 6 สิงหาคม 2566 เพจเฟซบุ๊ก Atongshopp 玩具 หรือ อาตง ร้านขายของเล่นชื่อดังย่านสะพานเหล็ก โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่ถูกกลุ่มคนซึ่งเป็นพ่อค้าอันธพาลในห้างบุกมาข่มขู่ ทำร้ายร่างกายถึงในร้าน รวมทั้งยังมีพฤติกรรมตามข่มขู่คุกคามคนที่เกี่ยวข้องกับร้าน ไม่ว่าจะเป็นยูทูบเบอร์ดังและลูกค้า โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ร้านผู้เสียหายเล่าเรื่องราวใจความว่า คู่กรณีมีชื่อว่า แม้ะ และ มุ้ย (นามสมมติ) เป็นพี่น้องที่เปิดร้านขายของเล่นในตึกเดียวกัน นอกจากจะเป็นพ่อค้าแล้ว ทั้งคู่ยังมีพฤติกรรมอันธพาล หลายครั้งเวลาที่ทั้งคู่ไม่พอใจใครในตึกก็จะพากันไปข่มขู่คุกคาม ลามไปถึงการทำร้ายร่างกาย คนที่ไม่อยากมีปัญหาก็ต้องยอม เวลาคุกคามหรือทำร้ายร่างกายใครก็ท้าทายให้แจ้งตำรวจได้เลย เพราะตำรวจทำอะไรเขาไม่ได้ แน่นอนว่าร้านเราเองก็โดน แต่ที่ผ่านมาเราเลือกที่จะยอม เพราะไม่อยากมีปัญหา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Atongshopp 玩具
ตัวละครต่อมาคือ อ้วน (นามสมมติ) เป็นหนึ่งในลูกน้องของแม้ะ มุ้ย ซึ่งนายอ้วนเรียกว่าเป็นเด็กฝากที่ แม้ะ มุ้ย เอามาฝากให้ทำงานกับทางร้าน ซึ่งระหว่างที่ทำงาน นายอ้วนมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์หลายอย่าง เช่น หยุดงานบ่อยเกิน 10 วันต่อเดือน ไม่รวมวันหยุดที่ได้หยุด 2 วันต่อสัปดาห์ สูบบุหรี่ภายในร้าน มาทำงานสาย รวมถึงชอบชวนคนนอกเข้ามาบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นที่เก็บเงิน ตอนนั้นเธอซึ่งเป็นผู้จัดการร้านได้ทำการตักเตือนหลายครั้ง แต่ไม่มีการปรับปรุง เธอจึงทำเรื่องแจ้งเจ้าของร้านให้ยุติการจ้างทำงาน ทำให้นายอ้วนพ้นสภาพพนักงานของทางร้านไปตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2565
เมื่อแม้ะ มุ้ย ทราบว่านายอ้วนถูกเชิญออก ทั้งคู่ก็ไม่พอใจ จึงข่มขู่เจ้าของร้านเพื่อบังคับให้จ่ายเงินเดือนให้นายอ้วน เดือนละ 15,000 บาท เป็นเวลา 1 ปี (รวมเป็นเงิน 180,000 บาท) โดยให้นายอ้วนรับหน้าที่ม้า ใช้ทำงานต่าง ๆ ที่เจ้าของร้านมอบหมาย ซึ่งไม่ใช่ในฐานะพนักงานของร้าน ซึ่งเจ้าของร้านก็เคยให้ไปเรียนขับรถเพื่อให้มาเป็นคนขับรถ ก็ไม่เรียน กระทั่งปัจจุบันนายอ้วนก็ยังไม่มีการช่วยธุระอะไรใด ๆ อย่างที่เคยคุยกันไว้ ทั้งหมดเป็นสัญญาปากเปล่า และเธอก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Atongshopp 玩具
วันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น. นายอ้วนเดินทางมาที่ร้านเพื่อมารับเงิน เธอจึงโทร. ติดต่อเจ้าของร้านจนได้รับคำตอบว่าให้นายอ้วนรอหลังวันที่ 5 กรกฎาคม เดี๋ยวจะจ่ายเงินให้ แต่นายอ้วนกลับไม่พอใจ จึงโทร. ตามลูกพี่แม้ะ มุ้ย ให้มาที่ร้าน พอมาถึงทั้งคู่ก็พยายามติดต่อเจ้าของร้านแต่ก็ได้คำตอบเดียวกัน ทำให้พวกเขาไม่พอใจ เธอซึ่งสงสัยว่าเงินจำนวนนี้คืออะไรจึงสอบถาม แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่า "มึงเกี่ยวอะไรด้วย" เธอก็ตอบว่าเกี่ยวสิ เพราะเป็นหุ้นส่วนร้านนี้
แม้ะ มุ้ย ยังคงพยายามติดต่อเจ้าของร้านให้เอาเงินมาจ่ายภายในวันนี้ให้ได้ แล้วยังเริ่มแสดงพฤติกรรมอันธพาล ไล่ลูกค้าในร้านออก และสั่งให้ปิดร้าน แต่เธอไม่ทำตาม แม้ะโกรธจัด เริ่มเตะถีบโต๊ะเก้าอี้ของร้าน ก่อนจะสั่งให้นายอ้วนกับสมุนอีกคนนั่งเฝ้าร้านไว้จนกว่าเจ้าของร้านจะเอาเงิน 15,000 บาทมาจ่าย ตอนนั้นยอมรับว่าเธอก็เริ่มโกรธที่พวกเขามาทำลายข้าวของในร้านแบบนี้ เลยพูดไปว่า "ของสกปรกหมดแล้ว โอ้มายก็อด" จุดนี้ทำให้แม๊ะเริ่มด่าทอและเกิดเหตุการณ์ตามในคลิป ซึ่งเธอถูกกระชากผมและหน้ากากอนามัย
หลังจากลงมือทำร้ายร่างกายเสร็จ แม้ะก็ข่มขู่ว่าถ้าอยากเปิดร้านต่อเธอจะต้องถอนตัวจากการเป็นผู้ถือหุ้นของร้าน และต้องไล่พนักงานที่พวกเขาไม่ชอบออก พวกเขาถึงอนุญาตให้ร้านเปิดขายของต่อไปได้ ส่วนมุ้ยก็พูดจาข่มขู่สารพัด เช่น "อย่าทำตัวเก่งที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่ที่เรา" "ห้างก็ไม่ช่วยคุ้มครองนะ" ทำให้รู้สึกว่าหากมีปัญหากับพวกเขาจะไม่ปลอดภัย
ภายหลังเหตุการณ์นี้เธอได้เข้าแจ้งความไว้และไปตรวจร่างกาย แต่คู่กรณีก็ยังพาพวกมากดดันหน้าร้านและข่มขู่ จนต้องปิดร้านไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พร้อมโทร. ข่มขู่เจ้าของร้าน บอกว่าตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ได้ หากไม่ทำตามจะทำลายของ ทุบกระจก นอกจากเธอแล้ว พนักงานก็ถูกทำร้าย โดนขู่ห้ามเข้าตึก จนพนักงานต้องลาออก
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
เหตุการณ์หลังแจ้งความ ตำรวจประสานทางตึกให้เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย รอบแรกคู่กรณีต้องการให้ร้านย้ายพนักงาน 3 คน ไม่ให้มาทำงานที่ตึก แต่ร้านไม่ตกลง รวมทั้งเรียกร้องให้ร้านจ่ายเงิน 45,000 บาท ให้นายอ้วนเพื่อจบเรื่อง ซึ่งร้านตกลงที่จะจ่าย แต่ระหว่างนั้นอีกฝั่งก็ส่งคนมาปิดร้าน ขว้างเก้าอี้ใส่จนร้านต้องปิดอีก 1 วัน หลังจากนั้นทางตำรวจได้ส่งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาเฝ้าตลอดทั้งวัน แต่พอตำรวจกลับ คู่กรณีก็ยังตะโกนด่า ดักหน้ารถ รวมทั้งตะโกนท้าเธอให้ต่อยและข่มขู่ จนเธอต้องโทร. ตามตำรวจให้เข้ามาไกล่เกลี่ย
หลังผ่านไปเกือบเดือน คิดว่าเรื่องจะจบแล้ว แต่เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ฝั่งคู่กรณีไม่จบง่าย ๆ แต่ลามปามไปถึงการข่มขู่พี่ ๆ ยูทูบเบอร์ที่เธอสนิท รวมถึงลูกค้าบางคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมี คุณแป้ง zbing ยูทูบเบอร์ชื่อดัง และผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ในเหตุการณ์ โดยคู่กรณีมีการเดินไปถามว่าสนิทกับเธอเหรอ ฝากกระทืบได้ไหม ระวังพวกมึงเดิน ๆ อยู่แล้วโดนแทง ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกมึง หนักสุดคือขู่ว่าระวังได้แด-ลูกปืน
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
วันต่อมาคู่กรณียังไปข่มขู่พนักงานร้าน เตะและเหยียบสินค้าราคาแพงเสียหาย และไปขอดูที่อยู่บริษัทกับทางขนส่งเอกชน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น โดยพบว่าฝ่ายนายอ้วนส่งรุ่นพี่มาขอให้จ่ายเงินให้จบเรื่อง โดยเจ้าตัวถูกจ้างจากคู่กรณีให้มาทำร้ายเธอ แต่ก็ไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้ พร้อมขู่ว่าหากเกิดอะไรกับนายอ้วน เขาก็ขู่จะทำลายร้านเหมือนกัน
เพื่อความปลอดภัยของคนในร้านและลูกค้า ร้านจึงตัดสินใจจ้างบอดี้การ์ดมาดูแล โดยเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม คู่กรณีเห็นเธอพาคนมาคุ้มกัน ทางฝั่งนั้นก็ถืออาวุธขึ้นมาตะโกนด่าทอ ยั่วยุ ชวนทะเลาะ และพยายามให้เกิดเหตุการณ์ แต่ดีที่ไม่เกิดเหตุอะไรขึ้น ทุกเหตุการณ์ที่เขียนมาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยมีทั้งพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ และมีพยานหลักฐานจำนวนมากที่นำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว และคู่กรณีก็ไม่มีท่าทีที่จะหยุด เธอจึงขอตีแผ่พฤติกรรมของมาเฟียสะพานเหล็กคู่นี้เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าคนที่เป็นภัยสังคมนั้นมีอยู่จริง
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 7 สิงหาคม 2566 รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ รายงานว่า หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป ผู้ก่อเหตุยังเข้าไปตอบคอมเมนต์ โดยระบุว่า "เรื่องจริงทราบไหม ถ้าอยากทราบมาชั้น 3 ครับ โลกใบนี้มีกล้องครับ ถ้าเป็นแบบไม่คิดหรือวิจารณ์แบบไม่รู้ความจริงขออนุญาตรับคำขอโทษเป็นเงินสด ทนายผมจะถ่ายไว้ มีทั้งให้นักเลงมาหาเรื่องที่ร้าน ตำรวจมาหาเรื่องที่ร้าน ทุกเหตุการณ์กล้องทางห้างมีนะครับ ก่อนวิจารณ์อะไรขอให้มาดูกล้องที่ห้างก่อนแล้วค่อยตัดสิน แชตขู่มีหมดครับ ให้นักเลงมามีหมด" ซึ่งทางฝั่งผู้ก่อเหตุนั่งไล่ตอบคอมเมนต์ของชาวเน็ตที่มาแสดงความคิดเห็นด้วยข้อความเดียวกันทั้งหมด
นอกจากนี้ยังเผยคลิปเหตุการณ์ช่วงบ่ายวันที่ 27 มิถุนายน 2566 และช่วงเย็นวันเดียวกัน หลังจาก น้องตี้ พนักงานหญิงของร้าน ไปแจ้งความ และจะกลับมาเปิดร้านขายของตามปกติ ฝาแฝดคู่นี้ก็กลับมาป่วนที่ร้านอีก โดยสั่งห้ามเปิดร้าน ให้กลับบ้าน ถ้ายอมกลับดี ๆ วันนี้จะปลอดภัย แต่ถ้าฝืนเปิดวันหน้าไม่รับรองความปลอดภัย
เฮียตง เจ้าของร้านขายของเล่น เล่าว่า คู่กรณีเปิดร้านขายของเล่นแบบเดียวกัน ส่วนจุดเริ่มต้นที่ทำให้คู่แฝดไม่พอใจ มาจากทั้งคู่ส่งนายอ้วนมาสมัครงานเป็นพนักงานที่ร้าน ตนก็รับไว้ แต่ทำงานได้ประมาณ 3-4 เดือน ประเมินแล้วว่าไม่ผ่าน เพราะนายอ้วนชอบนำความลับของทางร้านไปบอกกับคู่แฝด เช่น เวลามีของเล่นโมเดลมาใหม่ก็จะเอาไปบอก ตนจึงเลิกจ้าง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคู่แฝดก็ตามมาก่อกวนที่ร้านตลอด ขู่พนักงานจนไม่กล้าเปิดขายของ อ้างว่าเป็นเจ้าของตึก บอกว่าไม่กลัวตำรวจ ท้าทายให้แจ้งความ ที่ผ่านมาเคยไปแจ้งความหลายครั้ง แต่ก็ไม่เอาเรื่องเพราะไม่อยากมีปัญหา ตนอยากขายของที่ห้างนี้ต่อ
นอกจากนี้ยังมีปัญหากันเรื่องที่คู่แฝดสั่งซื้อของเล่นจากทางร้านของเฮียตงและไม่ยอมจ่ายค่าของเล่น ประมาณ 90,000 บาท ส่วนเรื่องการเลิกจ้างนายอ้วน ทั้งคู่ก็มาข่มขู่ว่าตนเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม บังคับให้จ่ายเงินเดือนนายอ้วนอีก 15,000 บาท โดยที่นายอ้วนไม่ต้องมาทำงาน ตนก็ยอมจ่ายมาโดยตลอดเป็นระยะเวลา 7 เดือน เพราะไม่อยากมีปัญหา
แต่ล่าสุดคู่แฝดก็ยังพาพวกมาหาเรื่องที่ร้านเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม จนตำรวจเข้ามาระงับเหตุ และช่วงค่ำวันเดียวกัน ก็มีชาย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มาที่โกดังเก็บของของตน และปาขวดโซดาเข้ามา ซึ่งลักษณะคล้ายกับคู่แฝด แต่ไม่ยืนยันว่าใช่หรือไม่ เฮียตง บอกว่า ที่ผ่านมาตนยอมฝาแฝดคู่นี้มาโดยตลอดเพราะไม่อยากมีปัญหา แต่ระยะหลังเริ่มหนักขึ้น มีการทำร้ายร่างกายพนักงานของร้าน ข่มขู่สั่งให้ปิดร้าน จนตนขายของไม่ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Atongshopp 玩具, เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Atongshopp 玩具
กำลังกลายเป็นประเด็นที่สร้างความตกใจให้กับเหล่านักสะสมฟิกเกอร์และยูทูบเบอร์ กรณีวันที่ 6 สิงหาคม 2566 เพจเฟซบุ๊ก Atongshopp 玩具 หรือ อาตง ร้านขายของเล่นชื่อดังย่านสะพานเหล็ก โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่ถูกกลุ่มคนซึ่งเป็นพ่อค้าอันธพาลในห้างบุกมาข่มขู่ ทำร้ายร่างกายถึงในร้าน รวมทั้งยังมีพฤติกรรมตามข่มขู่คุกคามคนที่เกี่ยวข้องกับร้าน ไม่ว่าจะเป็นยูทูบเบอร์ดังและลูกค้า โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ร้านผู้เสียหายเล่าเรื่องราวใจความว่า คู่กรณีมีชื่อว่า แม้ะ และ มุ้ย (นามสมมติ) เป็นพี่น้องที่เปิดร้านขายของเล่นในตึกเดียวกัน นอกจากจะเป็นพ่อค้าแล้ว ทั้งคู่ยังมีพฤติกรรมอันธพาล หลายครั้งเวลาที่ทั้งคู่ไม่พอใจใครในตึกก็จะพากันไปข่มขู่คุกคาม ลามไปถึงการทำร้ายร่างกาย คนที่ไม่อยากมีปัญหาก็ต้องยอม เวลาคุกคามหรือทำร้ายร่างกายใครก็ท้าทายให้แจ้งตำรวจได้เลย เพราะตำรวจทำอะไรเขาไม่ได้ แน่นอนว่าร้านเราเองก็โดน แต่ที่ผ่านมาเราเลือกที่จะยอม เพราะไม่อยากมีปัญหา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Atongshopp 玩具
ตัวละครต่อมาคือ อ้วน (นามสมมติ) เป็นหนึ่งในลูกน้องของแม้ะ มุ้ย ซึ่งนายอ้วนเรียกว่าเป็นเด็กฝากที่ แม้ะ มุ้ย เอามาฝากให้ทำงานกับทางร้าน ซึ่งระหว่างที่ทำงาน นายอ้วนมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์หลายอย่าง เช่น หยุดงานบ่อยเกิน 10 วันต่อเดือน ไม่รวมวันหยุดที่ได้หยุด 2 วันต่อสัปดาห์ สูบบุหรี่ภายในร้าน มาทำงานสาย รวมถึงชอบชวนคนนอกเข้ามาบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นที่เก็บเงิน ตอนนั้นเธอซึ่งเป็นผู้จัดการร้านได้ทำการตักเตือนหลายครั้ง แต่ไม่มีการปรับปรุง เธอจึงทำเรื่องแจ้งเจ้าของร้านให้ยุติการจ้างทำงาน ทำให้นายอ้วนพ้นสภาพพนักงานของทางร้านไปตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2565
เมื่อแม้ะ มุ้ย ทราบว่านายอ้วนถูกเชิญออก ทั้งคู่ก็ไม่พอใจ จึงข่มขู่เจ้าของร้านเพื่อบังคับให้จ่ายเงินเดือนให้นายอ้วน เดือนละ 15,000 บาท เป็นเวลา 1 ปี (รวมเป็นเงิน 180,000 บาท) โดยให้นายอ้วนรับหน้าที่ม้า ใช้ทำงานต่าง ๆ ที่เจ้าของร้านมอบหมาย ซึ่งไม่ใช่ในฐานะพนักงานของร้าน ซึ่งเจ้าของร้านก็เคยให้ไปเรียนขับรถเพื่อให้มาเป็นคนขับรถ ก็ไม่เรียน กระทั่งปัจจุบันนายอ้วนก็ยังไม่มีการช่วยธุระอะไรใด ๆ อย่างที่เคยคุยกันไว้ ทั้งหมดเป็นสัญญาปากเปล่า และเธอก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Atongshopp 玩具
วันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น. นายอ้วนเดินทางมาที่ร้านเพื่อมารับเงิน เธอจึงโทร. ติดต่อเจ้าของร้านจนได้รับคำตอบว่าให้นายอ้วนรอหลังวันที่ 5 กรกฎาคม เดี๋ยวจะจ่ายเงินให้ แต่นายอ้วนกลับไม่พอใจ จึงโทร. ตามลูกพี่แม้ะ มุ้ย ให้มาที่ร้าน พอมาถึงทั้งคู่ก็พยายามติดต่อเจ้าของร้านแต่ก็ได้คำตอบเดียวกัน ทำให้พวกเขาไม่พอใจ เธอซึ่งสงสัยว่าเงินจำนวนนี้คืออะไรจึงสอบถาม แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่า "มึงเกี่ยวอะไรด้วย" เธอก็ตอบว่าเกี่ยวสิ เพราะเป็นหุ้นส่วนร้านนี้
แม้ะ มุ้ย ยังคงพยายามติดต่อเจ้าของร้านให้เอาเงินมาจ่ายภายในวันนี้ให้ได้ แล้วยังเริ่มแสดงพฤติกรรมอันธพาล ไล่ลูกค้าในร้านออก และสั่งให้ปิดร้าน แต่เธอไม่ทำตาม แม้ะโกรธจัด เริ่มเตะถีบโต๊ะเก้าอี้ของร้าน ก่อนจะสั่งให้นายอ้วนกับสมุนอีกคนนั่งเฝ้าร้านไว้จนกว่าเจ้าของร้านจะเอาเงิน 15,000 บาทมาจ่าย ตอนนั้นยอมรับว่าเธอก็เริ่มโกรธที่พวกเขามาทำลายข้าวของในร้านแบบนี้ เลยพูดไปว่า "ของสกปรกหมดแล้ว โอ้มายก็อด" จุดนี้ทำให้แม๊ะเริ่มด่าทอและเกิดเหตุการณ์ตามในคลิป ซึ่งเธอถูกกระชากผมและหน้ากากอนามัย
หลังจากลงมือทำร้ายร่างกายเสร็จ แม้ะก็ข่มขู่ว่าถ้าอยากเปิดร้านต่อเธอจะต้องถอนตัวจากการเป็นผู้ถือหุ้นของร้าน และต้องไล่พนักงานที่พวกเขาไม่ชอบออก พวกเขาถึงอนุญาตให้ร้านเปิดขายของต่อไปได้ ส่วนมุ้ยก็พูดจาข่มขู่สารพัด เช่น "อย่าทำตัวเก่งที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่ที่เรา" "ห้างก็ไม่ช่วยคุ้มครองนะ" ทำให้รู้สึกว่าหากมีปัญหากับพวกเขาจะไม่ปลอดภัย
ภายหลังเหตุการณ์นี้เธอได้เข้าแจ้งความไว้และไปตรวจร่างกาย แต่คู่กรณีก็ยังพาพวกมากดดันหน้าร้านและข่มขู่ จนต้องปิดร้านไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พร้อมโทร. ข่มขู่เจ้าของร้าน บอกว่าตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ได้ หากไม่ทำตามจะทำลายของ ทุบกระจก นอกจากเธอแล้ว พนักงานก็ถูกทำร้าย โดนขู่ห้ามเข้าตึก จนพนักงานต้องลาออก
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
เหตุการณ์หลังแจ้งความ ตำรวจประสานทางตึกให้เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย รอบแรกคู่กรณีต้องการให้ร้านย้ายพนักงาน 3 คน ไม่ให้มาทำงานที่ตึก แต่ร้านไม่ตกลง รวมทั้งเรียกร้องให้ร้านจ่ายเงิน 45,000 บาท ให้นายอ้วนเพื่อจบเรื่อง ซึ่งร้านตกลงที่จะจ่าย แต่ระหว่างนั้นอีกฝั่งก็ส่งคนมาปิดร้าน ขว้างเก้าอี้ใส่จนร้านต้องปิดอีก 1 วัน หลังจากนั้นทางตำรวจได้ส่งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาเฝ้าตลอดทั้งวัน แต่พอตำรวจกลับ คู่กรณีก็ยังตะโกนด่า ดักหน้ารถ รวมทั้งตะโกนท้าเธอให้ต่อยและข่มขู่ จนเธอต้องโทร. ตามตำรวจให้เข้ามาไกล่เกลี่ย
หลังผ่านไปเกือบเดือน คิดว่าเรื่องจะจบแล้ว แต่เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ฝั่งคู่กรณีไม่จบง่าย ๆ แต่ลามปามไปถึงการข่มขู่พี่ ๆ ยูทูบเบอร์ที่เธอสนิท รวมถึงลูกค้าบางคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมี คุณแป้ง zbing ยูทูบเบอร์ชื่อดัง และผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ในเหตุการณ์ โดยคู่กรณีมีการเดินไปถามว่าสนิทกับเธอเหรอ ฝากกระทืบได้ไหม ระวังพวกมึงเดิน ๆ อยู่แล้วโดนแทง ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกมึง หนักสุดคือขู่ว่าระวังได้แด-ลูกปืน
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
วันต่อมาคู่กรณียังไปข่มขู่พนักงานร้าน เตะและเหยียบสินค้าราคาแพงเสียหาย และไปขอดูที่อยู่บริษัทกับทางขนส่งเอกชน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น โดยพบว่าฝ่ายนายอ้วนส่งรุ่นพี่มาขอให้จ่ายเงินให้จบเรื่อง โดยเจ้าตัวถูกจ้างจากคู่กรณีให้มาทำร้ายเธอ แต่ก็ไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้ พร้อมขู่ว่าหากเกิดอะไรกับนายอ้วน เขาก็ขู่จะทำลายร้านเหมือนกัน
เพื่อความปลอดภัยของคนในร้านและลูกค้า ร้านจึงตัดสินใจจ้างบอดี้การ์ดมาดูแล โดยเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม คู่กรณีเห็นเธอพาคนมาคุ้มกัน ทางฝั่งนั้นก็ถืออาวุธขึ้นมาตะโกนด่าทอ ยั่วยุ ชวนทะเลาะ และพยายามให้เกิดเหตุการณ์ แต่ดีที่ไม่เกิดเหตุอะไรขึ้น ทุกเหตุการณ์ที่เขียนมาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยมีทั้งพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ และมีพยานหลักฐานจำนวนมากที่นำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว และคู่กรณีก็ไม่มีท่าทีที่จะหยุด เธอจึงขอตีแผ่พฤติกรรมของมาเฟียสะพานเหล็กคู่นี้เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าคนที่เป็นภัยสังคมนั้นมีอยู่จริง
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 7 สิงหาคม 2566 รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ รายงานว่า หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป ผู้ก่อเหตุยังเข้าไปตอบคอมเมนต์ โดยระบุว่า "เรื่องจริงทราบไหม ถ้าอยากทราบมาชั้น 3 ครับ โลกใบนี้มีกล้องครับ ถ้าเป็นแบบไม่คิดหรือวิจารณ์แบบไม่รู้ความจริงขออนุญาตรับคำขอโทษเป็นเงินสด ทนายผมจะถ่ายไว้ มีทั้งให้นักเลงมาหาเรื่องที่ร้าน ตำรวจมาหาเรื่องที่ร้าน ทุกเหตุการณ์กล้องทางห้างมีนะครับ ก่อนวิจารณ์อะไรขอให้มาดูกล้องที่ห้างก่อนแล้วค่อยตัดสิน แชตขู่มีหมดครับ ให้นักเลงมามีหมด" ซึ่งทางฝั่งผู้ก่อเหตุนั่งไล่ตอบคอมเมนต์ของชาวเน็ตที่มาแสดงความคิดเห็นด้วยข้อความเดียวกันทั้งหมด
นอกจากนี้ยังเผยคลิปเหตุการณ์ช่วงบ่ายวันที่ 27 มิถุนายน 2566 และช่วงเย็นวันเดียวกัน หลังจาก น้องตี้ พนักงานหญิงของร้าน ไปแจ้งความ และจะกลับมาเปิดร้านขายของตามปกติ ฝาแฝดคู่นี้ก็กลับมาป่วนที่ร้านอีก โดยสั่งห้ามเปิดร้าน ให้กลับบ้าน ถ้ายอมกลับดี ๆ วันนี้จะปลอดภัย แต่ถ้าฝืนเปิดวันหน้าไม่รับรองความปลอดภัย
เฮียตง เจ้าของร้านขายของเล่น เล่าว่า คู่กรณีเปิดร้านขายของเล่นแบบเดียวกัน ส่วนจุดเริ่มต้นที่ทำให้คู่แฝดไม่พอใจ มาจากทั้งคู่ส่งนายอ้วนมาสมัครงานเป็นพนักงานที่ร้าน ตนก็รับไว้ แต่ทำงานได้ประมาณ 3-4 เดือน ประเมินแล้วว่าไม่ผ่าน เพราะนายอ้วนชอบนำความลับของทางร้านไปบอกกับคู่แฝด เช่น เวลามีของเล่นโมเดลมาใหม่ก็จะเอาไปบอก ตนจึงเลิกจ้าง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคู่แฝดก็ตามมาก่อกวนที่ร้านตลอด ขู่พนักงานจนไม่กล้าเปิดขายของ อ้างว่าเป็นเจ้าของตึก บอกว่าไม่กลัวตำรวจ ท้าทายให้แจ้งความ ที่ผ่านมาเคยไปแจ้งความหลายครั้ง แต่ก็ไม่เอาเรื่องเพราะไม่อยากมีปัญหา ตนอยากขายของที่ห้างนี้ต่อ
นอกจากนี้ยังมีปัญหากันเรื่องที่คู่แฝดสั่งซื้อของเล่นจากทางร้านของเฮียตงและไม่ยอมจ่ายค่าของเล่น ประมาณ 90,000 บาท ส่วนเรื่องการเลิกจ้างนายอ้วน ทั้งคู่ก็มาข่มขู่ว่าตนเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม บังคับให้จ่ายเงินเดือนนายอ้วนอีก 15,000 บาท โดยที่นายอ้วนไม่ต้องมาทำงาน ตนก็ยอมจ่ายมาโดยตลอดเป็นระยะเวลา 7 เดือน เพราะไม่อยากมีปัญหา
แต่ล่าสุดคู่แฝดก็ยังพาพวกมาหาเรื่องที่ร้านเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม จนตำรวจเข้ามาระงับเหตุ และช่วงค่ำวันเดียวกัน ก็มีชาย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มาที่โกดังเก็บของของตน และปาขวดโซดาเข้ามา ซึ่งลักษณะคล้ายกับคู่แฝด แต่ไม่ยืนยันว่าใช่หรือไม่ เฮียตง บอกว่า ที่ผ่านมาตนยอมฝาแฝดคู่นี้มาโดยตลอดเพราะไม่อยากมีปัญหา แต่ระยะหลังเริ่มหนักขึ้น มีการทำร้ายร่างกายพนักงานของร้าน ข่มขู่สั่งให้ปิดร้าน จนตนขายของไม่ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Atongshopp 玩具, เที่ยงวันทันเหตุการณ์