หญิงวัย 53 ปี ท้องผูกนาน 10 วัน หมอต้องช่วยผ่าตัด อุจจาระออกมาหนัก 20 กิโลกรัม ยาว 1 เมตร สภาพราวกับงูเหลือม

ภาพจาก Weibo
อาการท้องผูก พบได้บ่อยจนหลายคนมองว่าเป็นเรื่องธรรดา
แต่หากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง หรือเกิดขึ้นติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจนเรื้อรัง
ปล่อยไว้นานวันคงไม่ใช่เรื่องดี และในบางกรณีอาจจะมี "ความไม่ปกติ"
ชวนสยองที่ซ่อนอยู่ เช่นเดียวกับเคสล่าสุดนี้
วันที่ 9 สิงหาคม 2566 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ เผยว่า หญิงรายหนึ่ง ระบุชื่อว่า ฮัว อายุ 53 ปี จากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน มีอาการท้องผูกเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา อาการของเธอก็เป็นมากขึ้น เริ่มมีอาการแน่นท้อง แน่นหน้าอก อึดอัดหายใจไม่สะดวก เธอจะถ่ายอุจจาระทุก ๆ 5-6 วัน จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ เธอไม่สามารถถ่ายอุจจาระได้เป็นเวลานานถึง 10 วัน ในที่สุดครอบครัวจึงต้องพาเธอไปพบแพทย์
วันที่ 9 สิงหาคม 2566 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ เผยว่า หญิงรายหนึ่ง ระบุชื่อว่า ฮัว อายุ 53 ปี จากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน มีอาการท้องผูกเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา อาการของเธอก็เป็นมากขึ้น เริ่มมีอาการแน่นท้อง แน่นหน้าอก อึดอัดหายใจไม่สะดวก เธอจะถ่ายอุจจาระทุก ๆ 5-6 วัน จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ เธอไม่สามารถถ่ายอุจจาระได้เป็นเวลานานถึง 10 วัน ในที่สุดครอบครัวจึงต้องพาเธอไปพบแพทย์
คนไข้หญิงรายนี้มาเข้ารับการรักษาด้วยสภาพท้องบวมโต ในขณะที่ร่างกายผอม แต่ท้องป่องออกมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากการตรวจร่างกายพบว่า ตับ กระเพาะ ลำไส้เล็ก และอวัยวะภายในบางส่วนถูกบีบจนผิดรูป ลำไส้ใหญ่ขยายออกอย่างมากจนมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 20 เซนติเมตร แพทย์จึงแนะนำให้เธอผ่าตัดเพื่อทำการรักษาโดยเร็วที่สุด

ภาพจาก Weibo
แพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุ พบว่า คนไข้หญิงรายนี้เป็นโรค Hirschsprung's Disease Hirschsprung หรือ โรคลำไส้โป่งพองแต่กำเนิด เป็นภาวะความพิการที่ลำไส้ใหญ่ส่วนปลายขาดเซลล์ประสาทควบคุมการเคลื่อนไหว ส่งผลต่อการเคลื่อนตัวของอุจจาระในลำไส้ตามปกติ และเมื่อถูกปิดกั้น ทำให้อุจจาระตกค้างจนเกิดการอุดตัน และมีการโป่งพองบริเวณลำไส้ขึ้น
ผู้ป่วยที่เป็นโรคดังกล่าวจะมีอาการท้องผูกเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษา อาจจะมีอาการท้องอืด หรืออาเจียนร่วมด้วย เนื่องจากอุจจาระไม่สามารถปล่อยออกมาตามธรรมชาติได้ จึงทำให้เกิดลำไส้อักเสบและภาวะโลหิตเป็นพิษ ซึ่งจะมีอาการท้องเสีย มีไข้ และภาวะขาดน้ำได้ ส่วนในกรณีที่ร้ายแรงซึ่งเป็นส่วนน้อย ลำไส้ใหญ่จะขยายตัวมากเกินไป ทำให้เกิดการทะลุและแตกออก มีเลือดออกในช่องท้องเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่