จับแก๊งส่งพัสดุปลายทาง ทำไม่กี่เดือนรวยเละเทะ 15 ล้านบาท เผยวิธีเอาที่อยู่คนมาจากไหนจนหลงเชื่อจ่ายเงิน พบทำเป็นกระบวนการ ขยายผลได้หลายทอด แต่มาโป๊ะเพราะเจอคนสงสัยพัสดุตีกลับนับหมื่นชิ้น
ในชีวิตคนไทย นอกจากเจอปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงเอาเงินจากผู้บริโภคไปได้หลักหลายล้าน แม้กระทั่งคนดังก็ไม่รอด อีกภัยหนึ่งที่ตกเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้งก็คือ ที่มีคนส่งพัสดุและเก็บเงินปลายทาง โดยมิจฉาชีพจะส่งพัสดุไปยังบ้านต่าง ๆ แบบเก็บเงินปลายทาง บางคนอาจจะสั่งของเอาไว้เยอะ หรือพลาดจ่ายเงิน ก็เท่ากับโดนหลอกเอาเงินไปฟรี ๆ ซึ่งพัสกุส่วนใหญ่จะมีราคาเพียง 200-300 บาท และข้างในจะเป็นของจุกจิกที่มีราคาแค่หลักสิบ ซึ่งนั่นทำให้คนตายใจ ไม่อยากแจ้งความ
ล่าสุด วันที่ 12 สิงหาคม 2566 เฟซบุ๊ก ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท รายงานว่า พล.ต.ท. วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. มีการแถลงข่าวกรณีบุกทลายโกดังพัสดุ จับแก๊งผู้จัดการสาขาบริษัทขนส่งเจ้าดัง หลอกส่งเก็บเงินพัสดุปลายทางวันละ 1 หมื่นชิ้น โดยจุดเริ่มต้นของคดีนี้ มาจากพลเมืองดีเห็นความผิดปกติของการขนส่งพัสดุที่สาขาของบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ที่มีการส่งพัสดุเก็บเงินปลายทางประมาณ 1-2 หมื่นชิ้น 10 วันต่อครั้ง และพัสดุเหล่านี้ล้วนถูกตีกลับมาบ่อย ๆ
เมื่อตำรวจทราบข่าว จึงลงไปตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะอาจเป็นการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนจำนวนมาก และเมื่อศาลออกหมายค้นเป้าหมาย ก็ทราบว่า ผู้ส่งพัสดุคือ นายเอกฉันท์ (ไม่ทราบนามสกุล) พักในหมู่บ้านย่าน ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีการเช่าอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น บริเวณใกล้เคียงเพื่อว่าจ้างคนแพ็กกล่องพัสดุ และนำไปส่งที่บริษัทขนส่งดังกล่าวครั้งละมาก ๆ
เผยโป๊ะแตก เอาที่อยู่ลูกค้ามาจากไหน
ผลการสอบสวน ทราบว่า นายเอกฉันท์ ร่วมมือกับนายนพดล (ไม่ทราบนามสกุล) เซลส์ของบริษัทขนส่ง ที่ร่วมกันเปิดเฟซบุ๊กปลอม ลงทุนยิงโฆษณา จ้างแอดมินเพื่อคุยกับลูกค้า ขายสินค้าต่าง ๆ ในราคาไม่เกิน 200 บาท เช่น ไฟแช็กแบบเติมก๊าซ ลำโพงบลูทูธ เป็นต้น เมื่อแอดมินได้รับออร์เดอร์พร้อมที่อยู่ลูกค้า ก็จะบรรจุสินค้าที่ไม่มีมูลค่าไปแทน เช่น ทิชชู่เปียก ไฟแช็กราคาถูก ก่อนที่จะใช้ที่อยู่ผู้ส่งที่เป็นของศูนย์กระจายสินค้า เพื่อปกปิดตัวตน โดยมีนางสาวสุพิศตา (ไม่ทราบนามสกุล) ผู้จัดการสาขาของบริษัทขนส่ง คอยให้ความช่วยเหลืออีกแรง และได้รับส่วนแบ่งเป็นเงินกล่องละ 2 บาท
หากมีลูกค้าหลงเชื่อจ่ายเงินปลายทาง เงินก็จะเข้าไปยังบัญชีบริษัทขนส่งพัสดุ แล้วก็จะโอนเงินให้นายเอกฉันท์อีกทอดหนึ่ง เป็นบัญชีม้าที่จ้างนางสาวเจสิตา (ไม่ทราบนามสกุล) เปิดให้ ยิ่งตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า กลุ่มดังกล่าวก่อเหตุมาตั้งแต่ต้นปี 2566 มีรายได้รวมกัน 15 ล้านบาท
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหาทั้ง 4 คน ได้แก่ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และร่วมกันฟอกเงิน ส่วนของกลางที่ยึดได้คือ ยานพาหนะที่ใช้ขนส่งพัสดุ 4 คัน คอมพิวเตอร์และพรินเตอร์ รถจักรยานยนต์วิบาก รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ BMW S1000RR และกล่องพัสดุจำนวนมาก
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท.
ในชีวิตคนไทย นอกจากเจอปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงเอาเงินจากผู้บริโภคไปได้หลักหลายล้าน แม้กระทั่งคนดังก็ไม่รอด อีกภัยหนึ่งที่ตกเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้งก็คือ ที่มีคนส่งพัสดุและเก็บเงินปลายทาง โดยมิจฉาชีพจะส่งพัสดุไปยังบ้านต่าง ๆ แบบเก็บเงินปลายทาง บางคนอาจจะสั่งของเอาไว้เยอะ หรือพลาดจ่ายเงิน ก็เท่ากับโดนหลอกเอาเงินไปฟรี ๆ ซึ่งพัสกุส่วนใหญ่จะมีราคาเพียง 200-300 บาท และข้างในจะเป็นของจุกจิกที่มีราคาแค่หลักสิบ ซึ่งนั่นทำให้คนตายใจ ไม่อยากแจ้งความ
ล่าสุด วันที่ 12 สิงหาคม 2566 เฟซบุ๊ก ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท รายงานว่า พล.ต.ท. วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. มีการแถลงข่าวกรณีบุกทลายโกดังพัสดุ จับแก๊งผู้จัดการสาขาบริษัทขนส่งเจ้าดัง หลอกส่งเก็บเงินพัสดุปลายทางวันละ 1 หมื่นชิ้น โดยจุดเริ่มต้นของคดีนี้ มาจากพลเมืองดีเห็นความผิดปกติของการขนส่งพัสดุที่สาขาของบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ที่มีการส่งพัสดุเก็บเงินปลายทางประมาณ 1-2 หมื่นชิ้น 10 วันต่อครั้ง และพัสดุเหล่านี้ล้วนถูกตีกลับมาบ่อย ๆ
เมื่อตำรวจทราบข่าว จึงลงไปตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะอาจเป็นการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนจำนวนมาก และเมื่อศาลออกหมายค้นเป้าหมาย ก็ทราบว่า ผู้ส่งพัสดุคือ นายเอกฉันท์ (ไม่ทราบนามสกุล) พักในหมู่บ้านย่าน ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีการเช่าอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น บริเวณใกล้เคียงเพื่อว่าจ้างคนแพ็กกล่องพัสดุ และนำไปส่งที่บริษัทขนส่งดังกล่าวครั้งละมาก ๆ
เผยโป๊ะแตก เอาที่อยู่ลูกค้ามาจากไหน
ผลการสอบสวน ทราบว่า นายเอกฉันท์ ร่วมมือกับนายนพดล (ไม่ทราบนามสกุล) เซลส์ของบริษัทขนส่ง ที่ร่วมกันเปิดเฟซบุ๊กปลอม ลงทุนยิงโฆษณา จ้างแอดมินเพื่อคุยกับลูกค้า ขายสินค้าต่าง ๆ ในราคาไม่เกิน 200 บาท เช่น ไฟแช็กแบบเติมก๊าซ ลำโพงบลูทูธ เป็นต้น เมื่อแอดมินได้รับออร์เดอร์พร้อมที่อยู่ลูกค้า ก็จะบรรจุสินค้าที่ไม่มีมูลค่าไปแทน เช่น ทิชชู่เปียก ไฟแช็กราคาถูก ก่อนที่จะใช้ที่อยู่ผู้ส่งที่เป็นของศูนย์กระจายสินค้า เพื่อปกปิดตัวตน โดยมีนางสาวสุพิศตา (ไม่ทราบนามสกุล) ผู้จัดการสาขาของบริษัทขนส่ง คอยให้ความช่วยเหลืออีกแรง และได้รับส่วนแบ่งเป็นเงินกล่องละ 2 บาท
หากมีลูกค้าหลงเชื่อจ่ายเงินปลายทาง เงินก็จะเข้าไปยังบัญชีบริษัทขนส่งพัสดุ แล้วก็จะโอนเงินให้นายเอกฉันท์อีกทอดหนึ่ง เป็นบัญชีม้าที่จ้างนางสาวเจสิตา (ไม่ทราบนามสกุล) เปิดให้ ยิ่งตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า กลุ่มดังกล่าวก่อเหตุมาตั้งแต่ต้นปี 2566 มีรายได้รวมกัน 15 ล้านบาท
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหาทั้ง 4 คน ได้แก่ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และร่วมกันฟอกเงิน ส่วนของกลางที่ยึดได้คือ ยานพาหนะที่ใช้ขนส่งพัสดุ 4 คัน คอมพิวเตอร์และพรินเตอร์ รถจักรยานยนต์วิบาก รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ BMW S1000RR และกล่องพัสดุจำนวนมาก
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท.
