ชูวิทย์ โต้ 10 ประเด็นเดือด เปิดปม เศรษฐา VS ชูวิทย์ คุณจะเชื่อใคร ?

 
            ชูวิทย์ โต้ เศรษฐา เป็นข้อ ๆ เปิด 10 ประเด็นข้อสงสัยจะเชื่อใคร ระหว่าง เศรษฐา กับ ชูวิทย์ เผยเตรียมรอชมแฉภาค 3 ลั่นมีหลักฐาน ไม่ได้พูดลอย ๆ

            เรียกได้ว่าเป็นประเด็นร้อนไฟลุกที่หลายคนจับตามอง กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เรื่องการซื้อดินสร้างคอนโดมิเนียม โดยมีบริษัทนอมินีเข้ามาขอซื้อที่ดินต่อ ทำให้ต่อมานายเศรษฐา ก็ได้ออกมาชี้แจงว่าการซื้อขายที่ดินแสนสิริโปรงใส พร้อมโต้กลับว่าถูกอีกฝ่ายข่มขู่จะแฉ เพื่อบีบให้ซื้อที่ดิน 2 พันล้านของตัวเองนั้น

            อ่านข่าว : เศรษฐา แจงที่ดินแสนสิริ ไม่มีนอมินี-เงินทอน ขอ ชูวิทย์ อย่าบิดเบือน !
            ล่าสุดวันที่ 18 สิงหาคม 2566  เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์โต้นายเศรษฐา ถึงประเด็นการซื้อที่ดินของแสนสิริอีกรอบ โดยเปิดโพสต์ด้วยการตั้งคำถามว่า "เศรษฐา vs ชูวิทย์ คุณจะเชื่อใคร ?" ตอบโต้จากที่อีกฝ่ายเพิ่งแถลง รวม 10 ประเด็น ดังนี้

            1. แสนสิริซื้อที่ดินตามราคาตลาดที่สมเหตุสมผล เดี๋ยวรอดู Ep.3 ว่าคราวนี้จะ สมเหตุสมผล อย่างที่ว่าไหม เพราะซื้อมาหลักแสนต่อตารางวา ติดถนนใจกลางสุขุมวิทตอนต้น มีบันทึกชัดเจนจากกรมที่ดิน

            2. ผู้ซื้อไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการบริหารภายในของผู้ขาย คุณเศรษฐาโยนให้ผู้ขาย ทุกที แต่ รปภ. นอมินี มีความเกี่ยวข้องกับแสนสิริอย่างชัดเจน Ep. 3 เปิดตัว รปภ. อีกคน มาจากมุกดาหาร และยังไปร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ ช่างอินเตอร์สุดๆ มาเจอกันได้ไง?

            3. แสนสิริไม่เคยปล่อยกู้ แต่ให้จำนองเพื่อเป็นหลักประกัน จะซื้อก็ซื้อ ทำไมต้องให้จำนองไว้ด้วย? มันผิดปกติ ที่สำคัญดันให้จำนอง 1,000 ล้าน ในวันเดียวกันกับที่ นอมินี ไปซื้อ บ.เอ็น แอนด์ เอ็น จากเจ้าของเก่า (หมอนเรนทร์) 565 ล้าน คือ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 แท้จริงแล้ว ต้องการนำเงินออกจากบริษัทมหาชนมากกว่า

            4. ไม่มีการสมคบคิด หรือมีเงินทอน วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 บริษัทลูกแสนสิริ ให้ แม่บ้าน กับ รปภ. กู้ 1,000 ล้าน ในวันเดียวกัน แม่บ้าน กับ รปภ. ก็ไปซื้อที่ดินจากบริษัทของหมอนเรนทร์ 565 ล้าน แล้วอีก 435 ล้าน ไปไหน? ไม่ยอมชี้แจง ผมมีเอกสารราชการทุกอย่าง แต่คุณเศรษฐา กับแสนสิริ พูดปากเปล่า ไว้เอาไปชี้แจงกับบิ๊กโจ๊กแล้วกัน เพราะเดี๋ยวเขาก็เรียกหากใครไม่มา 2 ครั้ง ก็ออกหมายจับ

            5. ราคา 1.1 ล้านบาทต่อตารางวา ที่ทองหล่อ เป็นราคาที่เหมาะสม แล้ว 5 แสนบาทต่อตารางวา ใจกลางสุขุมวิทเหมาะสมไหม? วันจันทร์รู้กัน

            6. ชูวิทย์โกรธ ที่แสนสิริไม่ซื้อที่ดินที่ดินผมไม่มีหนี้ ไม่ติดจำนอง โฉนดเก็บไว้ที่บ้าน ไม่ได้รีบขายแสนสิริต่างหาก ที่ต้องการที่ดินจำนวนมากเพื่อจะได้ค่าบวม แล้วดันมาขอเงินบวมจากผมด้วย แสนสิริต้องหาที่ดินมาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก เพราะ "หนี้เยอะ" ถึง 9 หมื่นล้าน วันจันทร์ผมจะโชว์ให้ดู

            7. ชูวิทย์มีสัญญาซื้อขายที่ดินอยู่กับบริษัทอื่น แสนสิริจึงไม่สามารถซื้อที่ดินของชูวิทย์ได้ ก็นั่นน่ะสิครับ ที่ดินผมมีสัญญา รับเงินมัดจำมาแล้ว จะไปขายให้คุณได้ยังไง? ยัง งง อยู่ จะปั้นน้ำเป็นตัว ก็เอาที่มันมีเหตุผลหน่อย

            8. ชูวิทย์ข่มขู่ให้ผมซื้อที่ดิน จ่ายมัดจำ ไม่งั้นจะแฉ โดยให้ผู้ใหญ่มากมายติดต่อมาหาผม ผู้ใหญ่ที่คุณว่า ไม่ทราบเป็นใคร? ช่วยเอามายืนยัน หรืออย่างน้อยมีลายเซ็นผม ไม่ใช่เอารูปจับมือมาโชว์ วันๆ หนึ่งผมจับมือกี่คน? คุณเป็นคนขอจับมือถ่ายรูปผมเอง และยังบอกผมว่า "ผมไม่มีวันเป็นนักการเมือง"

            9. ถ้าไม่ซื้อที่ดิน 2,000 ล้านบาท ชูวิทย์จะแฉต่อไป ผมเคยบอกไว้แล้ว ถ้าเพื่อไทยหักหลังประชาชน แล้วเสนอเศรษฐาเป็นนายกฯ ผมจะแฉเรื่องนี้ เพื่อเป็นการโต้กลับของประชาชน เพราะคุณไม่มีคุณสมบัติ สังคมตัดสินได้จากข้อมูลของผม ไม่ได้พูดลอย ๆ คนอย่างคุณพูดอะไรไว้ก่อนหาเสียง ยังกลับคำพูดได้ ที่ว่าไม่รวมกับ 2 ลุง แล้ววันนี้ ประชาเขาก็เห็นกำพืดแล้วว่าคุณกลับคำยังไงและหากผมโกรธเรื่องที่ดิน ต้องพูดตั้งแต่ตอนนั้น โจมตีคุณ กับแสนสิริ เพราะผมมีข้อมูล แต่ที่พูดตอนนี้ เพราะเมื่อคุณเสนอตัวเป็นนายกฯ ผมก็ทำหน้าที่ตรวจสอบ และมีหลักฐาน ไม่ได้พูดปากเปล่าเหมือนคุณ

            10. ชูวิทย์บิดเบือนเรื่องดิจิตอลวอลเล็ท ทั้งที่นโยบายมีประโยชน์ต่อประชาชน คุณอย่าพูดถึงประโยชน์ต่อประชาชนเลย ขนาดหาเสียงไว้พูดกับปากทั้ง แก้ ม.112, ไม่ร่วมกับพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ตอนนี้ยังกลับคำพูด แล้วยังจะเสนอตัวเองเป็นนายกฯคนกลับไปกลับมาแบบนี้เป็นนายกฯ ประเทศคงพังเงินดิจิตอลที่คุณบอกจะให้ประชาชน

            อยากถามสั้น ๆ ว่าแสนสิริมีหุ้นในบริษัทเงินดิจิตอลที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไหม ? หุ้นใหญ่ด้วย แล้วเอาคนใกล้ชิดไปเป็นผู้จัดการ อย่างนี้จะเรียกว่า "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ได้ไหม? คน 50 ล้านคนที่อายุเกิน 16 ปี ที่จะได้รับเงินดิจิตอล 10,000 บาท ตามนโยบายของคุณ เท่ากับ 500,000 ล้าน แค่ชัก 5% ก็ 25,000 ล้าน แล้ว เรื่องนี้ผมต้องชมคุณ ว่าคิดไว้ล่วงหน้าได้ฉลาดจริง ๆ



ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชูวิทย์ โต้ 10 ประเด็นเดือด เปิดปม เศรษฐา VS ชูวิทย์ คุณจะเชื่อใคร ? โพสต์เมื่อ 18 สิงหาคม 2566 เวลา 22:43:20 5,012 อ่าน
TOP
x close