มูลนิธิดังสร้างรูปปั้นเทพสี่หูห้าตา หรือ พระอินทร์แปลง องค์ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมเล่าตำนานทำไมถึงมี 4 หู 5 ตา ทำสายมูฮือฮา แห่ขอพรโชคลาภ ธุรกิจการงาน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
กำลังเป็นกระแสในกลุ่มสายมูเลยทีเดียว สำหรับสถานที่ขอพรแห่งใหม่ที่ทำเอาฮือฮาไม่น้อย หลังมูลนิธิสุบินนิมิตได้สร้างรูปปั้นขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของ "เทพสี่หูห้าตา" หรือ พระอินทร์แปลง ซึ่งตั้งอยู่ที่ ม.7 ต.หนองเพรางาย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี
โดยพบว่ารูปปั้นเทพสี่หูห้าตา ขนาดความสูง 24 เมตร สูงเด่นเป็นสง่าบนพื้นที่กว่า 6 ไร่ ของมูลนิธิฯ และมีประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติทยอยเดินทางมาสักการะขอพรไม่ขาดสาย ซึ่งมีความเชื่อว่าเทพสี่หูห้าตาจะประทานพรในเรื่องโชคลาภและการงานรุ่งเรือง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ล่าสุด (19 สิงหาคม 2566) กรุงเทพธุรกิจ รายงานบทสัมภาษณ์ อาจารย์สุบิน นะหน้าทอง ผู้ก่อตั้งมูลนิธิสุบินนิมิต เผยถึงที่มาที่ไปของมูลนิธิฯ และการสร้างรูปปั้นเทพสี่หูห้าตา ว่า หลังจากที่ตนได้บวชเป็นพระมานานหลายปี ได้มีโอกาสศึกษาอาคมต่าง ๆ มากมาย ซึ่งในช่วงที่บวชเป็นพระก็ได้ใช้วิชาอาคมช่วยเหลือสงเคราะห์ลูกศิษย์ไปเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากในบางครั้งการทำพิธีสงเคราะห์ช่วยเหลือนั้น การดำรงค์อยู่เพศบรรพชิตนั้นอาจจะดูไม่เหมาะสมเท่าที่ควร จึงตัดสินใจลาสิกขาเพื่อใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาสงเคราะห์กลุ่มลูกศิษย์ลูกหาได้เต็มกำลัง จนเป็นที่มาของการก่อตั้งมูลนิธิสุบินนิมิต
ต่อมามีลูกศิษย์รายหนึ่งยกที่ดินผืนนี้ให้ ตนจึงตัดสินใจจัดตั้งเป็นมูลนิธิฯ พร้อมกับสร้างรูปปั้นของเทพสี่หูห้าตา หรือ พระอินทร์แปลง ซึ่งเป็นเทพตามความเชื่อของทางล้านนาที่มีมาตั้งแต่โบราณ มาจัดสร้างด้วยความสูงใหญ่ที่สุดในประเทศไทยหรือในโลกก็ว่าได้ ให้ผู้คนที่มีความเชื่อความศรัทธาได้เข้ามาสักการบูชาได้ทุกวันตั้งแต่ 09.00 - 18.00 น. ไม่มีวันหยุด
ทั้งนี้ หลังทางมูลนิธิฯ เปิดทำการมาแล้ว 2 ปี มีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทยอยเดินทางมาสักการะขอพรกับเทพสี่หูห้าตา ส่วนใหญ่จะขอพรในเรื่องโชคลาภและธุรกิจการงาน เมื่อสมหวังก็จะกลับมาแก้บนด้วยถ่านก้อนดำ ตามความเชื่อที่ว่าพระอินทร์แปลง หรือ เทพสี่หูห้าตา กินก้อนถ่านเป็นอาหาร
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ความเป็นมา "องค์อินทร์แปลงสี่หูห้าตา" เทพแห่งโชคลาภ ที่สายมูชาวไทยและต่างชาติศรัธากันมาก กับตำนานกินก้อนถ่านเป็นอาหาร
เทพสี่หูห้าตา หรือ พระอินทร์แปลง คือ "องค์อัมรินทร์" ผู้ทรงฤทธิ์ มีอำนาจกายสิทธิ์ จำแลงแปลงกายมาเป็นสัตว์ประหลาดที่มีกายสีเขียว เพื่อมาทดสอบใจชายยากจนอาภัพผู้หนึ่ง ก่อนที่จะถ่ายอุจจาระเป็นทองคำ มอบให้เป็นรางวัลของความดี
โดยตามตำนานที่ครูบาชัยยะวงศา แห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เล่าไว้ว่า พระอินทร์แปลงกายลงมาทดลองใจชาวนาในช่วงที่ชาวนากำลังได้รับความเดือดร้อนยากลำบากในตอนนั้น ด้วยการเหยียบย่ำแปลงปลูกข้าวของชาวนาจนได้รับความเสียหาย เพื่อลองใจว่าชาวนาจะมีคุณธรรมในเรื่องความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา หรือไม่
แม้จะถูกชาวนาบางคนเข้าทำร้าย แต่พระอินทร์แปลงก็ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ จนกระทั่งมีชาวนาคนหนึ่งสงสารให้ความช่วยเหลือ นำพระอินทร์แปลงไปเลี้ยงดู หาอาหารมาป้อนให้ แต่พระอินทร์แปลงก็ไม่ยอมกินอาหารเหล่านั้น
จนกระทั่งในตอนกลางคืนที่อากาศหนาวเย็น ชาวนาคนดังกล่าวได้นำฟืนมาก่อกองไฟเพื่อไล่ความหนาวให้กับพระอินทร์แปลง ทำให้พระอินทร์แปลงหยิบท่อนฟืนที่ไฟลุกแดงเข้าใส่ปากกินเป็นอาหารแทน จากนั้นก็ถ่ายออกมาเป็นทองคำ สร้างความดีใจให้กับชาวนาผู้นั้น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ทำไมต้องมี 4 หู มีตา 5 ตา ?
4 หู นั้น หมายถึง "พรหมวิหาร 4" อันประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
5 ตา นั้น หมายถึง "ศีล 5 ข้อ" ที่ศาสนิกชนพึงถือปฏิบัติเป็นพื้นฐาน ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ การไม่ลักทรัพย์ การไม่ประพฤติผิดในกาม การไม่พูดเท็จ การไม่ดื่มสุราและของมึนเมา
ดังนั้น เรื่องพระอินทร์แปลง หรือ เทพสี่หูห้าตา เป็นกุศโลบายที่เปรียบเทียบว่า ศีล 5 เท่ากับ 5 ตา ส่วนหู 4 ข้าง เท่ากับพรหมวิหาร 4 ที่พระอินทร์แปลงมาลองใจชาวนา และเป็นปริศนาธรรมที่ว่า ทองคำที่กว่าจะได้มานั้นเพราะผ่านการหล่อหลอมที่ต้องใช้ความอดทน
เมื่อท่านใดมากราบไหว้ขอพร หรือได้ครอบครอง "เทพ 4 หู 5 ตา" หากรักษาศีล 5 และรักษาพรหมวิหาร 4 ไว้ได้ ชีวิตก็จะมีแต่ความรุ่งเรือง ร่ำรวย มีความสุขตลอดกาล
จึงถือว่าเป็นเทพแห่งโชคลาภ ที่เป็นที่นิยมและศรัทธากันมาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั่ง มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน เป็นต้น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุกิจ, เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
กำลังเป็นกระแสในกลุ่มสายมูเลยทีเดียว สำหรับสถานที่ขอพรแห่งใหม่ที่ทำเอาฮือฮาไม่น้อย หลังมูลนิธิสุบินนิมิตได้สร้างรูปปั้นขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของ "เทพสี่หูห้าตา" หรือ พระอินทร์แปลง ซึ่งตั้งอยู่ที่ ม.7 ต.หนองเพรางาย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี
โดยพบว่ารูปปั้นเทพสี่หูห้าตา ขนาดความสูง 24 เมตร สูงเด่นเป็นสง่าบนพื้นที่กว่า 6 ไร่ ของมูลนิธิฯ และมีประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติทยอยเดินทางมาสักการะขอพรไม่ขาดสาย ซึ่งมีความเชื่อว่าเทพสี่หูห้าตาจะประทานพรในเรื่องโชคลาภและการงานรุ่งเรือง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ล่าสุด (19 สิงหาคม 2566) กรุงเทพธุรกิจ รายงานบทสัมภาษณ์ อาจารย์สุบิน นะหน้าทอง ผู้ก่อตั้งมูลนิธิสุบินนิมิต เผยถึงที่มาที่ไปของมูลนิธิฯ และการสร้างรูปปั้นเทพสี่หูห้าตา ว่า หลังจากที่ตนได้บวชเป็นพระมานานหลายปี ได้มีโอกาสศึกษาอาคมต่าง ๆ มากมาย ซึ่งในช่วงที่บวชเป็นพระก็ได้ใช้วิชาอาคมช่วยเหลือสงเคราะห์ลูกศิษย์ไปเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากในบางครั้งการทำพิธีสงเคราะห์ช่วยเหลือนั้น การดำรงค์อยู่เพศบรรพชิตนั้นอาจจะดูไม่เหมาะสมเท่าที่ควร จึงตัดสินใจลาสิกขาเพื่อใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาสงเคราะห์กลุ่มลูกศิษย์ลูกหาได้เต็มกำลัง จนเป็นที่มาของการก่อตั้งมูลนิธิสุบินนิมิต
ต่อมามีลูกศิษย์รายหนึ่งยกที่ดินผืนนี้ให้ ตนจึงตัดสินใจจัดตั้งเป็นมูลนิธิฯ พร้อมกับสร้างรูปปั้นของเทพสี่หูห้าตา หรือ พระอินทร์แปลง ซึ่งเป็นเทพตามความเชื่อของทางล้านนาที่มีมาตั้งแต่โบราณ มาจัดสร้างด้วยความสูงใหญ่ที่สุดในประเทศไทยหรือในโลกก็ว่าได้ ให้ผู้คนที่มีความเชื่อความศรัทธาได้เข้ามาสักการบูชาได้ทุกวันตั้งแต่ 09.00 - 18.00 น. ไม่มีวันหยุด
ทั้งนี้ หลังทางมูลนิธิฯ เปิดทำการมาแล้ว 2 ปี มีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทยอยเดินทางมาสักการะขอพรกับเทพสี่หูห้าตา ส่วนใหญ่จะขอพรในเรื่องโชคลาภและธุรกิจการงาน เมื่อสมหวังก็จะกลับมาแก้บนด้วยถ่านก้อนดำ ตามความเชื่อที่ว่าพระอินทร์แปลง หรือ เทพสี่หูห้าตา กินก้อนถ่านเป็นอาหาร
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ความเป็นมา "องค์อินทร์แปลงสี่หูห้าตา" เทพแห่งโชคลาภ ที่สายมูชาวไทยและต่างชาติศรัธากันมาก กับตำนานกินก้อนถ่านเป็นอาหาร
เทพสี่หูห้าตา หรือ พระอินทร์แปลง คือ "องค์อัมรินทร์" ผู้ทรงฤทธิ์ มีอำนาจกายสิทธิ์ จำแลงแปลงกายมาเป็นสัตว์ประหลาดที่มีกายสีเขียว เพื่อมาทดสอบใจชายยากจนอาภัพผู้หนึ่ง ก่อนที่จะถ่ายอุจจาระเป็นทองคำ มอบให้เป็นรางวัลของความดี
โดยตามตำนานที่ครูบาชัยยะวงศา แห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เล่าไว้ว่า พระอินทร์แปลงกายลงมาทดลองใจชาวนาในช่วงที่ชาวนากำลังได้รับความเดือดร้อนยากลำบากในตอนนั้น ด้วยการเหยียบย่ำแปลงปลูกข้าวของชาวนาจนได้รับความเสียหาย เพื่อลองใจว่าชาวนาจะมีคุณธรรมในเรื่องความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา หรือไม่
แม้จะถูกชาวนาบางคนเข้าทำร้าย แต่พระอินทร์แปลงก็ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ จนกระทั่งมีชาวนาคนหนึ่งสงสารให้ความช่วยเหลือ นำพระอินทร์แปลงไปเลี้ยงดู หาอาหารมาป้อนให้ แต่พระอินทร์แปลงก็ไม่ยอมกินอาหารเหล่านั้น
จนกระทั่งในตอนกลางคืนที่อากาศหนาวเย็น ชาวนาคนดังกล่าวได้นำฟืนมาก่อกองไฟเพื่อไล่ความหนาวให้กับพระอินทร์แปลง ทำให้พระอินทร์แปลงหยิบท่อนฟืนที่ไฟลุกแดงเข้าใส่ปากกินเป็นอาหารแทน จากนั้นก็ถ่ายออกมาเป็นทองคำ สร้างความดีใจให้กับชาวนาผู้นั้น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ทำไมต้องมี 4 หู มีตา 5 ตา ?
4 หู นั้น หมายถึง "พรหมวิหาร 4" อันประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
5 ตา นั้น หมายถึง "ศีล 5 ข้อ" ที่ศาสนิกชนพึงถือปฏิบัติเป็นพื้นฐาน ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ การไม่ลักทรัพย์ การไม่ประพฤติผิดในกาม การไม่พูดเท็จ การไม่ดื่มสุราและของมึนเมา
ดังนั้น เรื่องพระอินทร์แปลง หรือ เทพสี่หูห้าตา เป็นกุศโลบายที่เปรียบเทียบว่า ศีล 5 เท่ากับ 5 ตา ส่วนหู 4 ข้าง เท่ากับพรหมวิหาร 4 ที่พระอินทร์แปลงมาลองใจชาวนา และเป็นปริศนาธรรมที่ว่า ทองคำที่กว่าจะได้มานั้นเพราะผ่านการหล่อหลอมที่ต้องใช้ความอดทน
เมื่อท่านใดมากราบไหว้ขอพร หรือได้ครอบครอง "เทพ 4 หู 5 ตา" หากรักษาศีล 5 และรักษาพรหมวิหาร 4 ไว้ได้ ชีวิตก็จะมีแต่ความรุ่งเรือง ร่ำรวย มีความสุขตลอดกาล
จึงถือว่าเป็นเทพแห่งโชคลาภ ที่เป็นที่นิยมและศรัทธากันมาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั่ง มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน เป็นต้น
@devamantra เทพสี่หูห้าตา หรือ พระอินทร์แปลง ตามความเชื่อที่ว่ามีพระอินทร์แปลงร่างลงมาเป็นลิงประหลาดมีสี่หูห้าตา ตามหลักธรรมพรหมวิหาร 4 และศีล 5 เพื่อทดลองใจลุงป้าชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อน หลังจากที่ลุงป้าให้การช่วยเหลือจึงกินถ่านร้อนจากกองไฟเข้าไปแล้วถ่ายออกมาเป็นทองคำ จึงเป็นรูปที่เคารพบูชาและขอพรให้มีโชคลาภ ปลดหนี้ ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี #สี่หูห้าตา #สี่หูห้าตาคาเฟ่ #สี่หูห้าตาใหญ่ที่สุดในโลก #สี่หูห้าตาเชียงราย #สี่หูห้าตาพารวย #สายมู #เทวะมันตรา @วริศคาเฟ่ เสียงต้นฉบับ - จุ๋มมิรันตี
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต
ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุกิจ, เฟซบุ๊ก มูลนิธิสุบินนิมิต