อ.เจษฎ์ เด่นดวงบริพันธ์ ไขปริศนา วัตถุประหลาดก้อนกลมสีดำมันวาว ที่ชาวโคราชเก็บได้ เชื่อว่าเป็นอุกกาบาต แท้จริงแล้วคืออุลกมณี หรือ หินสะเก็ดดาว ไม่ใช่ชิ้นส่วนของอุกกาบาตแต่อย่างใด
ภาพจาก สำนักข่าวไทย
วันที่ 25 สิงหาคม 2566 รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อ.ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ถึงกรณีที่มีชาวบ้านรายหนึ่งที่โคราชพบวัตถุประหลาดก้อนกลมสีดำมันวาว เชื่อว่าเป็นอุกกาบาต โดยระบุว่า "วัตถุที่พบนั้น คือ อุลกมณี หรือหินสะเก็ดดาว ครับ ไม่ใช่อุกกาบาตหรือซากดาวตก ซึ่งดูจากรูปก็บอกได้ไม่ยากเลยครับ ว่าวัตถุหินสีดำแบบนี้ มันไม่ใช่อุกกาบาต แต่มันเรียกว่า "อุลกมณี" หรือ หินสะเก็ดดาว หรือ เทคไทต์ (tektite)
ตามรายงานข่าวบอกว่า นายธงชัย มีสูงเนิน อายุ 36 ปี ชาวตำบลมะเกลือเก่า อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เมื่อหลายเดือนก่อน ในช่วงที่มีฝนตก ได้ออกไปส่องหาจับอึ่งจับกบตามวิถีชาวบ้าน โดยขณะที่กำลังส่องหาอึ่งอยู่ ได้เห็นแสงไฟประหลาด พุ่งลงมาจากท้องฟ้าในแนวดิ่ง อยู่ห่างจากตัวเองประมาณ 500 เมตร โดยแสงไฟสีเขียวขาวเป็นทางยาว และแสงได้หายไปก่อนถึงพื้นดิน จากนั้นได้เดินไปบริเวณดังกล่าว ใช้ไฟส่องดูพบแสงสะท้อนเชื่อว่าน่าจะเป็นอุกกาบาตที่ตกลงมา ลักษณะสีดำมันวาวประกายทอง เวลาส่องดูใกล้ ๆ หรือใช้แว่นขยายส่อง ก็จะมีประกายสีขาวสีทอง จึงเชื่อว่าเป็นอุกกาบาตหรือเป็นดาวตก
ภาพจาก สำนักข่าวไทย
#อุลกมณี (หรืออีกหลายชื่อที่เรียกกัน เช่น อุกกามณี แก้วข้าว สะเก็ดดาว เหล็กไหลต่างดาว คดปลวก พลอยจันทรคราส หยดน้ำฟ้า) นั้น มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "tektite" โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า tektos ในภาษากรีก แปลว่า หลอมละลาย อุลกมณีที่พบจะมีเนื้อแก้ว ส่วนใหญ่สีดำทึบคล้ายนิล บางชิ้นมีเนื้อในสีน้ำตาลใส บางชิ้นก็มีเนื้อโปร่งแสงสีเขียว ผิวของอุลกมณีจะเป็นหลุมเล็ก ๆ โดยรอบ ผิวขรุขระ มีขนาดและรูปร่างต่างๆ กัน รูปลักษณ์สัณฐานไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลม ยาวแบน แท่งกลมยาว มนุษย์รู้จักอุลกมณีมานานแล้ว โดยเชื่อกันว่าเป็นสะเก็ดดาวจากนอกโลก ที่ตกเข้ามายังพื้นผิวโลก








