หมอหนุ่มวัย 26 ปี ปลิดชีพลาโลก หลังทำงานหนักจนเป็นโรคซึมเศร้า ทำล่วงเวลามากกว่า 200 ชั่วโมง ในเดือนเดียว
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น เผยรายงานชวนสะเทือนใจ กรณีครอบครัวของแพทย์หนุ่มชาวญี่ปุ่นวัย 26 ปี ออกมาเปิดเผยเหตุการณ์สุดเศร้าใจสลาย เมื่อลูกชายของเขาตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง หลังจากแบกรับภาระทำงานล่วงเวลามากกว่า 200 ชั่วโมง ในระยะเวลาเพียง 1 เดือน พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการทำงานหนักของประเทศที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น เผยว่า ทาคาชิมะ ชิงโงะ (Takashima Shingo) ทำงานเป็นแพทย์ประจำบ้าน ที่ศูนย์การแพทย์โกนัน ในเมืองโกเบ ของจังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น ทนายความของครอบครัวระบุว่า ทาคาชิมะ จบชีวิตของตัวเองลงเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยในเดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาทำงานล่วงเวลามากถึง 207 ชั่วโมง และไม่มีวันหยุดเลยเป็นเวลา 3 เดือน
จุนโกะ ทาคาชิมะ คุณแม่ของทาคาชิมะ กล่าวในการแถลงข่าวเผยว่า ลูกชายของเธอเริ่มทำงานที่ศูนย์การแพทย์แห่งนี้ ในเดือนเมษายน 2563 ต่อมาในเดือนเมษายน 2565 เขาได้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในแผนกระบบทางเดินอาหาร มีหน้าที่ต้องตรวจผู้ป่วยและดำเนินการเกี่ยวกับฝึกอบรมอย่างไม่หยุดพัก จนกระทั่งหลังจากกลับบ้านในวันที่ 17 พฤษภาคมปีนั้น เขาก็ปลิดชีพตัวเอง
คุณแม่ของทาคาชิมะ กล่าวว่า ลูกชายของเขามีภาวะซึมเศร้าจากการทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว ก่อนที่ลูกชายจะตัดสินใจลาโลก เขาเคยพูดบ่อย ๆ ว่า "งานหนักเกินไป ไม่มีใครช่วยเขาได้ ไม่มีใครสนใจความรู้สึกเขา" ซึ่งมันทำให้เธอเชื่อว่า สภาพแวดล้อมในการทำงานที่เกินขอบเขต ผลักให้เขาไปสู่จุดจบของชีวิตเช่นนี้
"ลูกชายของฉันจะไม่ได้เป็นหมอที่ใจดี ไม่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยและสังคมได้อีกแล้ว โรงพยาบาลอาจมีหมออีกมากมายมาแทนที่เขา แต่สำหรับครอบครัวเราแล้ว เขาคือสมบัติที่ไม่อาจมีอะไรมาทดแทนได้ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานของแพทย์จะดีขึ้น เพื่อไม่ให้สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต" คุณแม่ของทาคาชิมะ กล่าวทั้งน้ำตา
พี่ชายของทาคาชิมะ (ไม่เปิดเผยชื่อ) กล่าวเสริมว่า "ไม่ว่าเราจะมองอย่างไร เวลาการทำงานของน้องชายมากกว่า 200 ชั่วโมง ซึ่งนี่แค่ส่วนของการทำงานล่วงเวลา ก็เป็นตัวเลขที่ไม่น่าเชื่อ และผมก็ไม่คิดว่าโรงพยาบาลจะมีแนวทางในการจัดการแรงงานที่ชัดเจนตั้งแต่แรก"
อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์การแพทย์โกนัน ได้แถลงการตอบโต้ระบุว่า "มีหลายครั้งที่แพทย์ใช้เวลาศึกษาด้วยตัวเอง และนอนพักผ่อนตามความต้องการทางด้านร่างกาย" และโฆษกอีกคนหนึ่งกล่าวว่า "เนื่องจากในการทำงานของพวกเขา (แพทย์) มีอิสระในระดับที่สูงมาก จึงไม่สามารถกำหนดเวลาทำงานได้อย่างชัดเจน"
ตามรายงานของทางด้านสำนักงานตรวจสอบมาตรฐานแรงงาน ชี้ให้เห็นว่า ทาคาชิมะเพิ่งมาเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และได้รับมอบหมายหน้าที่ประเภทเดียวกับแพทย์อาวุโส เขาได้รับคำสั่งทั้งให้เขียนรายงานและนำเสนอการประชุม ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลาทำงานยาวนานมาก ส่งผลให้อาการซึมเศร้ายิ่งเลวร้ายลง จนเป็นผลให้เขาตัดสินใจยุติทุกอย่างในที่สุด
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก CNN, The Mainichi