พ่อฝ่ายหญิงยอมถอย ให้ญาติฝ่ายสามีคนก่อเหตุฆ่าภรรยา และลูกอีก 2 ตัดงานศพที่ จ.กำแพงเพชร เผยแค่อยากทำศพลูกไม่เคยรู้เรื่องเงินบริจาค หลังจากนี้ยกให้อีกฝ่ายจัดการ ไม่อยากให้สังคมตราหน้าว่าแย่งศพกัน
จากคดีฆาตกรรมสุดหดหู่ หลังพ่อวัย 41 ปี ใช้มีดฆ่าภรรยาวัย 44 ปี พร้อมลูกชายวัย 9 ขวบ และ 13 ปี ก่อนจะพยายามปาดคอตัวเองตายตาม แต่ไม่สำเร็จ เพราะความเครียดจากการหนี้สิน และยังถูกมิจฉาชีพหลอกปล่อยเงินกู้จนเสียเงินไปเกือบ 2 ล้านบาท ซึ่งต่อมาทางโรงเรียนของลูกคนเล็กที่เสียชีวิตได้เปิดรับบริจาคเพื่อช่วยเหลืองานศพโดยมียอดบริจาคแล้ว 2 ล้านบาท จนเกิดการแย่งศพมาทำพิธีกันระหว่างญาติสามีผู้ก่อเหตุ กับญาติของภรรยาผู้เสียชีวิตนั้น
อ่านข่าว : ครอบครัวแย่งศพ 3 แม่ลูกถูกพ่อฆ่าปาดคอ หลังโรงเรียนปิดรับบริจาค ยอดทะลุ 2 ล้าน
ล่าสุดวันที่ 29 สิงหาคม 2566 เดลินิวส์ รายงานว่า ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ วัดถนนงาม หมู่ที่ 1 ตำบลคลองขลุง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ญาติของนายสาณิช ผู้เป็นพ่อ ได้รับศพผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย คือ สะใภ้ และหลานอีก 2 คนมาบำเพ็ญกุศล
โดยพี่ชายนายสาณิช กล่าวว่า ได้รับศพมาถูกต้องตามกฎหมาย ยืนยันว่าจะดำเนินการตั้งศพทั้ง 3 บำเพ็ญกุศลที่วัดแห่งนี้ จนถึงการพิธีฌาปนกิจ ในวันเสาร์ที่ 2 กันยายน 2566 หากญาติทางสมุทรปราการจะมารับศพไปยืนยันว่าไม่ให้ศพไปอย่างแน่นอน แต่ก็ให้มาร่วมงานได้ ส่วนน้องชายตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังคงต้องรักษาตัวอยู่เพราะบาดเจ็บสาหัส
โดยในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับพี่ชายอยู่นั้น มีสายวิดีโอคอลจากนายสาณิช ผู้ก่อเหตุเข้ามาพูดคุย พี่ชายจึงสอบถามอาการบาดเจ็บ นายสาณิชก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบโต้กันเท่านั้น ซึ่งพี่ชายอดน้ำตาไหลไม่ได้ เพราะยังทำใจไม่ได้ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ไป
พี่ชายนายสาณิช ยังบอกอีกว่า ส่วนเงิน 2 ล้านกว่าบาทที่มีการเปิดรับบริจาคนั้น ตนไม่ทราบเรื่อง ความตั้งใจจริงที่ไปรับศพทั้ง 3 มานั้น เพื่อที่จะมาบำเพ็ญกุศลเพียงเท่านั้น ส่วนเงินในการทำศพยืนยันว่ามีกำลังพอที่จะดำเนินการโดยไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเงินบริจาคแต่อย่างใด
ด้านนายสุรศักดิ์ พ่อเลี้ยงของนางวิภาพรที่เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเองในฐานะพ่อเลี้ยงที่มีการจดรับรองบุตรบุญธรรมถูกต้องตามกฎหมาย สาเหตุที่อยากรับศพลูกและหลานมาจัดการที่วัดหนามแดงนั้น เพราะว่าทางแม่ของเขาเสียชีวิตที่นี่และเคยไว้ที่วัดหนามแดง ส่วนตนเองก็เคยพักอาศัยที่หมู่บ้านเดียวกับลูกสาว เลยอยากให้ลูกสาวและหลานมาอยู่กับแม่เขา นี่คือสิ่งที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก
ส่วนประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องเงินบริจาคนั้น ตนเองไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน แต่พอกลายเป็นกระแสตอนนี้ตัดสินใจแล้วว่ายอมไม่ยื้อที่จะเอาศพลูกสาวมาที่วัดหนามแดง และตัดสินใจแล้วว่ามอบหมายให้ทางจังหวัดกำแพงเพชรดำเนินการตามประเพณี ส่วนตนเองและครอบครัวก็จะเดินทางไปร่วมงานในวัดเผาแล้วเดินทางกลับทันที ทั้งนี้ เพื่อความสบายใจ ไม่อยากให้สังคมตราหน้าว่าแย่งศพกัน ส่วนลูกเขยก็ให้เป็นไปตามขบวนการของกฎหมาย
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
จากคดีฆาตกรรมสุดหดหู่ หลังพ่อวัย 41 ปี ใช้มีดฆ่าภรรยาวัย 44 ปี พร้อมลูกชายวัย 9 ขวบ และ 13 ปี ก่อนจะพยายามปาดคอตัวเองตายตาม แต่ไม่สำเร็จ เพราะความเครียดจากการหนี้สิน และยังถูกมิจฉาชีพหลอกปล่อยเงินกู้จนเสียเงินไปเกือบ 2 ล้านบาท ซึ่งต่อมาทางโรงเรียนของลูกคนเล็กที่เสียชีวิตได้เปิดรับบริจาคเพื่อช่วยเหลืองานศพโดยมียอดบริจาคแล้ว 2 ล้านบาท จนเกิดการแย่งศพมาทำพิธีกันระหว่างญาติสามีผู้ก่อเหตุ กับญาติของภรรยาผู้เสียชีวิตนั้น
อ่านข่าว : ครอบครัวแย่งศพ 3 แม่ลูกถูกพ่อฆ่าปาดคอ หลังโรงเรียนปิดรับบริจาค ยอดทะลุ 2 ล้าน
ล่าสุดวันที่ 29 สิงหาคม 2566 เดลินิวส์ รายงานว่า ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ วัดถนนงาม หมู่ที่ 1 ตำบลคลองขลุง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ญาติของนายสาณิช ผู้เป็นพ่อ ได้รับศพผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย คือ สะใภ้ และหลานอีก 2 คนมาบำเพ็ญกุศล
โดยพี่ชายนายสาณิช กล่าวว่า ได้รับศพมาถูกต้องตามกฎหมาย ยืนยันว่าจะดำเนินการตั้งศพทั้ง 3 บำเพ็ญกุศลที่วัดแห่งนี้ จนถึงการพิธีฌาปนกิจ ในวันเสาร์ที่ 2 กันยายน 2566 หากญาติทางสมุทรปราการจะมารับศพไปยืนยันว่าไม่ให้ศพไปอย่างแน่นอน แต่ก็ให้มาร่วมงานได้ ส่วนน้องชายตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังคงต้องรักษาตัวอยู่เพราะบาดเจ็บสาหัส
โดยในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับพี่ชายอยู่นั้น มีสายวิดีโอคอลจากนายสาณิช ผู้ก่อเหตุเข้ามาพูดคุย พี่ชายจึงสอบถามอาการบาดเจ็บ นายสาณิชก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบโต้กันเท่านั้น ซึ่งพี่ชายอดน้ำตาไหลไม่ได้ เพราะยังทำใจไม่ได้ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ไป
พี่ชายนายสาณิช ยังบอกอีกว่า ส่วนเงิน 2 ล้านกว่าบาทที่มีการเปิดรับบริจาคนั้น ตนไม่ทราบเรื่อง ความตั้งใจจริงที่ไปรับศพทั้ง 3 มานั้น เพื่อที่จะมาบำเพ็ญกุศลเพียงเท่านั้น ส่วนเงินในการทำศพยืนยันว่ามีกำลังพอที่จะดำเนินการโดยไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเงินบริจาคแต่อย่างใด
ด้านนายสุรศักดิ์ พ่อเลี้ยงของนางวิภาพรที่เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเองในฐานะพ่อเลี้ยงที่มีการจดรับรองบุตรบุญธรรมถูกต้องตามกฎหมาย สาเหตุที่อยากรับศพลูกและหลานมาจัดการที่วัดหนามแดงนั้น เพราะว่าทางแม่ของเขาเสียชีวิตที่นี่และเคยไว้ที่วัดหนามแดง ส่วนตนเองก็เคยพักอาศัยที่หมู่บ้านเดียวกับลูกสาว เลยอยากให้ลูกสาวและหลานมาอยู่กับแม่เขา นี่คือสิ่งที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก
ส่วนประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องเงินบริจาคนั้น ตนเองไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน แต่พอกลายเป็นกระแสตอนนี้ตัดสินใจแล้วว่ายอมไม่ยื้อที่จะเอาศพลูกสาวมาที่วัดหนามแดง และตัดสินใจแล้วว่ามอบหมายให้ทางจังหวัดกำแพงเพชรดำเนินการตามประเพณี ส่วนตนเองและครอบครัวก็จะเดินทางไปร่วมงานในวัดเผาแล้วเดินทางกลับทันที ทั้งนี้ เพื่อความสบายใจ ไม่อยากให้สังคมตราหน้าว่าแย่งศพกัน ส่วนลูกเขยก็ให้เป็นไปตามขบวนการของกฎหมาย
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
