ปู่ทวดได้พัดมาจากขอทาน ลูกหลานอึ้ง ที่แท้เป็นสมบัติโบราณ มูลค่ากว่า 48 ล้านบาท แต่ต้องสะดุ้งหลังฟังคำเตือน ลั่นห้ามขาย ไม่งั้นส่อเจอหายนะ
วันที่ 30 สิงหาคม 2566 เว็บไซต์ Phunuphapluat มีรายงานกรณีของชายคนหนึ่งที่นำสมบัติตกทอดจากคุณทวด มาขอให้ผู้เชี่ยวชาญในรายการประเมินของโบราณช่วยตรวจสอบ โดยเขาเผยว่าพัดขนนกโบราณชิ้นนี้ เป็นสมบัติตกทอดของขงเบ้ง รัฐบุรุษแห่งยุคสามก๊ก อย่างไรก็ตาม คำบอกเล่าจากผู้เชี่ยวชาญนั้นทำเอาชายหนุ่มถึงกับสับสน เพราะแม้สมบัติดังกล่าวจะมีมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านหยวน (ราว 48 ล้านบาท) แต่กลับมีเหตุผลที่ทำให้เขาไม่สามารถขายพัดนี้ได้
รายงานเผยว่า ชายหนุ่มจากมณฑลเหอเป่ย์ ประเทศจีน มาปรากฏตัวในรายการพร้อมกล่องไม้ที่เก็บพัดขนนกโบราณไว้ มันเป็นพัดที่ทำจากขนนก 9 เส้น ดูแล้วไม่ธรรมดา เขากล่าวว่านี่คือพัดของขงเบ้ง ที่ครอบครัวของเขาได้รับมาโดยความบังเอิญ
โดยเมื่อหลายปีก่อนเกิดน้ำท่วมใหญ่ในบ้านเกิดของเขา ปู่ทวดได้พบกับขอทานรายหนึ่งซึ่งมีสภาพซูบผอมและน่าสงสาร จึงพาขอทานคนนี้กลับมาที่บ้าน ให้ความช่วยเหลือทั้งหาอาหารและเสื้อผ้ามาให้ ดังนั้นเพื่อแสดงความขอบคุณต่อน้ำใจครั้งนี้ ขอทานดังกล่าวจึงมอบพัดขนนกให้แก่ปู่ทวดของชายหนุ่ม พร้อมบอกว่าเป็นสมบัติคู่กายขงเบ้ง
นับจากนั้นครอบครัวของเขาก็เก็บรักษาพัดนี้ไว้อย่างดี มีการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จนเมื่อถึงรุ่นของเขา ชายหนุ่มก็อยากทราบถึงมูลค่าที่แท้จริงของพัดนี้ จึงตัดสินใจนำมาให้ผู้เชี่ยวชาญทำการประเมิน จะได้ทราบว่าเป็นสมบัติโบราณของแท้จริงไม่
หลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าพัดขนนกนี้ มีลักษณะเหมือนกับพัดของขงเบ้งจริง แต่ไม่น่าจะใช่พัดที่ขงเบ้งใช้พกติดตัว จริง ๆ แล้วพัดนี้น่าจะมีต้นกำเนิดจากยุคราชวงศ์ชิง ที่สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือมากกว่า โดยพัดในยุคสมัยนั้นจะทำขึ้นจากขนนก ส่วนด้ามจับทำขึ้นจากงาช้างหายาก
แม้จะไม่ใช่พัดของขงเบ้ง แต่นี่ยังเป็นพัดโบราณหายาก ซึ่งน่าจะมีมูลค่าอย่างน้อย 10 ล้านหยวน แต่ถึงอย่างนั้นผู้เชี่ยวชาญกลับเตือนชายหนุ่มว่า "ผมแนะนำให้คุณส่งมอบมันแก่ทางการ เพราะถ้าคุณขายพัดนี้ จะต้องพบกับหายนะ"
คำเตือนนั้นทำให้ชายหนุ่มสะดุ้ง และยังคงไม่เข้าใจความหมาย ผู้เชี่ยวชาญจึงอธิบายว่าด้ามจับของพัดนี้ทำขึ้นจากงาช้าง ไม่ใช่หยก ซึ่งในประเทศจีน การครอบครองและค้างาช้างถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย อาจมีความผิดถึงขั้นจำคุก ดังนั้นจึงแนะนำให้ชายหนุ่มส่งมอบแก่รัฐ แทนที่จะครอบครองสมบัติต่อไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มก็แสดงท่าทีสับสน ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสมบัติโบราณนี้ และเขาก็ยังไม่มั่นใจในคำพูดของผู้เชี่ยวชาญนัก สุดท้ายจึงตัดสินใจเก็บพัดกลับบ้านไป
ขอบคุณข้อมูลจาก Phunuphapluat
วันที่ 30 สิงหาคม 2566 เว็บไซต์ Phunuphapluat มีรายงานกรณีของชายคนหนึ่งที่นำสมบัติตกทอดจากคุณทวด มาขอให้ผู้เชี่ยวชาญในรายการประเมินของโบราณช่วยตรวจสอบ โดยเขาเผยว่าพัดขนนกโบราณชิ้นนี้ เป็นสมบัติตกทอดของขงเบ้ง รัฐบุรุษแห่งยุคสามก๊ก อย่างไรก็ตาม คำบอกเล่าจากผู้เชี่ยวชาญนั้นทำเอาชายหนุ่มถึงกับสับสน เพราะแม้สมบัติดังกล่าวจะมีมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านหยวน (ราว 48 ล้านบาท) แต่กลับมีเหตุผลที่ทำให้เขาไม่สามารถขายพัดนี้ได้
รายงานเผยว่า ชายหนุ่มจากมณฑลเหอเป่ย์ ประเทศจีน มาปรากฏตัวในรายการพร้อมกล่องไม้ที่เก็บพัดขนนกโบราณไว้ มันเป็นพัดที่ทำจากขนนก 9 เส้น ดูแล้วไม่ธรรมดา เขากล่าวว่านี่คือพัดของขงเบ้ง ที่ครอบครัวของเขาได้รับมาโดยความบังเอิญ
โดยเมื่อหลายปีก่อนเกิดน้ำท่วมใหญ่ในบ้านเกิดของเขา ปู่ทวดได้พบกับขอทานรายหนึ่งซึ่งมีสภาพซูบผอมและน่าสงสาร จึงพาขอทานคนนี้กลับมาที่บ้าน ให้ความช่วยเหลือทั้งหาอาหารและเสื้อผ้ามาให้ ดังนั้นเพื่อแสดงความขอบคุณต่อน้ำใจครั้งนี้ ขอทานดังกล่าวจึงมอบพัดขนนกให้แก่ปู่ทวดของชายหนุ่ม พร้อมบอกว่าเป็นสมบัติคู่กายขงเบ้ง
นับจากนั้นครอบครัวของเขาก็เก็บรักษาพัดนี้ไว้อย่างดี มีการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จนเมื่อถึงรุ่นของเขา ชายหนุ่มก็อยากทราบถึงมูลค่าที่แท้จริงของพัดนี้ จึงตัดสินใจนำมาให้ผู้เชี่ยวชาญทำการประเมิน จะได้ทราบว่าเป็นสมบัติโบราณของแท้จริงไม่
หลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าพัดขนนกนี้ มีลักษณะเหมือนกับพัดของขงเบ้งจริง แต่ไม่น่าจะใช่พัดที่ขงเบ้งใช้พกติดตัว จริง ๆ แล้วพัดนี้น่าจะมีต้นกำเนิดจากยุคราชวงศ์ชิง ที่สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือมากกว่า โดยพัดในยุคสมัยนั้นจะทำขึ้นจากขนนก ส่วนด้ามจับทำขึ้นจากงาช้างหายาก
แม้จะไม่ใช่พัดของขงเบ้ง แต่นี่ยังเป็นพัดโบราณหายาก ซึ่งน่าจะมีมูลค่าอย่างน้อย 10 ล้านหยวน แต่ถึงอย่างนั้นผู้เชี่ยวชาญกลับเตือนชายหนุ่มว่า "ผมแนะนำให้คุณส่งมอบมันแก่ทางการ เพราะถ้าคุณขายพัดนี้ จะต้องพบกับหายนะ"
คำเตือนนั้นทำให้ชายหนุ่มสะดุ้ง และยังคงไม่เข้าใจความหมาย ผู้เชี่ยวชาญจึงอธิบายว่าด้ามจับของพัดนี้ทำขึ้นจากงาช้าง ไม่ใช่หยก ซึ่งในประเทศจีน การครอบครองและค้างาช้างถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย อาจมีความผิดถึงขั้นจำคุก ดังนั้นจึงแนะนำให้ชายหนุ่มส่งมอบแก่รัฐ แทนที่จะครอบครองสมบัติต่อไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มก็แสดงท่าทีสับสน ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสมบัติโบราณนี้ และเขาก็ยังไม่มั่นใจในคำพูดของผู้เชี่ยวชาญนัก สุดท้ายจึงตัดสินใจเก็บพัดกลับบ้านไป
ขอบคุณข้อมูลจาก Phunuphapluat
