นางแบบสาวบาดเจ็บเข่าบวม คิดว่าแค่เอ็นอักเสบ จุดจบต้องตัดขาทิ้ง เหตุเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อ ติดเชื้อในกระแสเลือด
ภาพจาก Instagram thisisjenniferbarlow
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ เผยเรื่องราวฝันร้ายที่ไม่คาดคิดของ เจนนิเฟอร์ บาร์โลว์ นางแบบสาวเซ็กซี่ชาวอเมริกัน วัย 33 ปี จากเมืองแอตแลนตา ในรัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ภายหลังจากเธอเดินทางกลับมาจากการเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศบาฮามาส เธอก็มีอาการแปลก ๆ ที่บริเวณเข่าข้างขวา รู้สึกอ่อนแรงและมีอาการบวมอย่างรุนแรง
"มันบวมมาก ใหญ่กว่าเข่าซ้ายของฉันอย่างน้อย 3 เท่า มันน่ากลัวจริง ๆ ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก มันใหญ่จนเหมือนขายักษ์ ทั้งบวมและร้อนเมื่อสัมผัส" เจนนิเฟอร์ กล่าว
ในตอนแรกที่เธอเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นแค่อาการเข่าเคล็ดทั่วไป พร้อมจ่ายยาแก้ปวดและให้ใช้ไม้ค้ำช่วยพยุงเดิน แต่ปรากฏว่าหลังจากกลับมาบ้านได้ 1 วัน อยู่ ๆ เธอก็ล้มหมดสติไปกับพื้น น้องชายของเธอมาพบจึงรีบพาส่งโรงพยาบาล
ภาพจาก Instagram thisisjenniferbarlow
ภายหลังจากการตรวจเช็กโดยละเอียด สรุปว่าเธอไม่ได้เป็นข้อเข่าเคล็ด แต่รุนแรงกว่านั้นมากอย่างไม่คาดคิด เธอมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด มาจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง ก่อนจะแพร่เข้าสู่กระแสโลหิตและกระจายไปทั่วร่างกาย จนก่อให้เกิดความผิดปกติ ในกรณีของเจนนิเฟอร์ เธอเกิดอาการช็อกจากการติดเชื้อ แสดให้เห็นว่ามีภาวะของไตและตับวาย จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและยาเพื่อให้อาการทรงตัว
อาการของเจนนิเฟอร์รุนแรงถึงขั้น ดร.โจนาธาน พอลลอค แพทย์เจ้าของไข้ เผยว่า "ฉันกังวลมากว่าเธอจะไม่รอดจากเหตุการณ์นี้ มันมีความจำเป็นที่จะต้องบอกว่า ชีวิตของเธอตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง"
เจนนิเฟอร์ติดเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ยากและอาจถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคแบคทีเรียกินเนื้อ หรือ โรคเนื้อเน่า (flesh-eating disease) ทางการเรียกว่า Necrotizing Fasciitis เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียอย่างรุนแรงที่ผิวหนังชั้นลึก ตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ไปจนถึงชั้นเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการเน่าตายของเนื้อเยื่อบริเวณที่เกิดการติดเชื้อ
ภาพจาก Instagram thisisjenniferbarlow
โดยเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวจะสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทำให้บริเวณผิวหนังกลายเป็นสีแดง บวม และร้อนเมื่อสัมผัส อย่างไรก็ตาม หากมีการวินิจฉัยโรคได้ในระยะแรกก็อาการก็อาจจะไม่ร้ายแรง ตรงกันข้ามหากถึงขั้นรุนแรงแล้ว อาจทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด เกิดอาการช็อก และอวัยวะล้มเหลวได้
เจนนิเฟอร์อยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลา 10 วัน เธอเข้ารับการผ่าตัด 12 ครั้งเพื่อเอาเนื้อเยื่อที่ตายแล้วบริเวณต้นขาออก พร้อมทั้งให้ยาปฏิชีวนะ จนกระทั่งเธอฟื้นคืนสติกลับมาและอาการทรงตัว ต่อมาเธอถูกย้ายโรงพยาบาลเพื่อรับการดูแลบาดแผลโดยผู้เชี่ยวชาญ ทว่าสุดท้าย เธอก็ต้องถูกตัดขาทิ้งเนื่องจากการติดเชื้อลุกลาม แม้ว่าแพทย์จะพยายามรักษาขาเอาไว้จนถึงที่สุด
"ฉันรู้สึกสับสนและหวาดกลัวมาก ฉันไม่เคยได้รู้เกี่ยวกับภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดมาก่อนเลยในชีวิต และฉันไม่เคยได้ยินเรื่องแบคทีเรียกินเนื้อเลย" เจนนิเฟอร์ กล่าว อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่า เธอติดเชื้อแบคทีเรียได้อย่างไรหรือเมื่อใด
ภาพจาก Instagram thisisjenniferbarlow
หลังจากการเข้ารับการผ่าตัดทั้งหมดกว่า 30 ครั้ง และต้องสูญเสียอวัยวะครั้งสำคัญไป ในเดือนพฤษภาคม เจนนิเฟอร์ได้กลับมาพักที่บ้าน และเริ่มต้นฝึกการใช้ชีวิตใหม่ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพื่อที่จะกลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งด้วยขาเพียงข้างเดียว เธออาศัยใช้เก้าอี้รถเข็นและเครื่องช่วยเดิน และกำลังศึกษาเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีสำหรับขาเทียม
ทั้งนี้ บนเว็บไซต์ระดมทุน GoFundMe มีการแชร์เรื่องราวของเธอและได้เปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือ ปัจจุบันมีผู้ร่วมเข้าไปบริจาคแล้วถึง 38,940 ดอลลาร์ (ราว 1.36 ล้านบาท)
ภาพจาก Instagram thisisjenniferbarlow
ภาพจาก Instagram thisisjenniferbarlow
ภาพจาก Instagram thisisjenniferbarlow
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก New York Post