พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รับคดีกำนันนก ตอนแรกตำรวจโกหกหมด เผยหลักฐานสำคัญกู้ไฟล์เซิร์ฟเวอร์วงจรปิดได้แล้ว จ่อเอาผิดคนมีเอี่ยวเพิ่ม ขณะที่ กำนันนก ยังปฏิเสธว่าไม่ได้ให้ยิง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก
วันที่ 10 กันยายน 2566 เพจเฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก รายงานความคืบหน้าคดียิงตำรวจที่บ้านกำนันนก ซึ่งพบว่าผู้คุมเรือนจำได้เป็นคนนำเอาเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุไปโยนทิ้งน้ำว่า เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ขึ้นมาได้แล้ว และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจกำลังเข้าสู่กระบวนการเชิงเทคนิคของวิศวกรคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจเก็บลายนิ้วมือก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจะถอดข้อมูลจากในระบบ ส่วนสาเหตุที่ต้องนำเซิร์ฟเวอร์แช่น้ำ เพราะอุปกรณ์ถูกโยนทิ้งน้ำ ดังนั้นจึงใช้น้ำในพื้นที่เกิดเหตุเป็นการรักษาสภาพเพื่อไม่ให้ความเป็นกรดมีผลต่ออุปกรณ์ภายใน
ขณะที่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา รายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงคดีกำนันนกว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องการปราบปรามมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ให้ประชาชนมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งตำรวจเองจะต้องไม่เป็นไม้ค้ำยันของผู้มีอิทธิพลเหล่านั้น ส่วนความคืบหน้าของคดีกำนันนก นายกรัฐมนตรีมีความกังวลและห่วงใย โดยให้แนวทางในการขยายผลให้ถึงที่สุดจนถึงตัวสุดท้าย นอกจากนี้ยังให้ตรวจสอบเรื่องการทุจริตต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น การฮั้วประมูล การได้งานมา ก็จะต้องไปดูให้หมดว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง
ส่วนหลังจากนี้จะมีการออกออกหมายเรียกหรือหมายจับตำรวจ รวมไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวอีกหรือไม่นั้น วันนี้กำลังสอบขยายผลเพิ่มเติมอยู่ ซึ่งหากผลการสอบสวนออกมา เชื่อมโยงกับใครและใครเป็นผู้กระทำความผิด ก็จะออกหมายเรียกและหมายจับต่อไป
ขณะที่เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่พบนั้นต้องใช้เวลา 3-4 วัน ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ที่เปียกน้ำ ตอนนี้แห้งแล้ว สามารถกู้ข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ต้องกังวล เหตุการณ์นี้จะต้องมีตำรวจรับผิดชอบอย่างแน่นอน ซึ่งในหลักของกฎหมาย หากพบว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การไม่รักษาที่เกิดเหตุ และการทำลายวัตถุพยานจะต้องดำเนินคดี
โดยในตำรวจจะมี 2-3 กลุ่ม กลุ่มแรกเกิดเหตุวิ่งหนีเลย ไม่ทำอะไรเลย อันนี้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ได้ออกหมายจับบางส่วน กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มร่วมทำลายพยานหลักฐานและพากำนันนกหนี ส่วนกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่พาสารวัตรแบงค์ คนบาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา เดี๋ยวความชัดเจนต่าง ๆ จะมีเพิ่มขึ้นมากทุกวัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีการสอบสวนกันตลอดทั้งวัน หากไล่เส้นทางการเงิน ตรวจสอบภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดต่าง ๆ ก็จะเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ถึงจะสมบูรณ์
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนยอมรับว่าในตอนแรก ตำรวจเขาโกหกหมด ตนก็ย้ำว่า โกหกก็โกหกไป ไม่เป็นไร แต่เรามีการสอบสวน มีการสืบสวน มีข้อมูลที่ชัดเจนอยู่แล้ว จึงสามารถทำให้ศาลอนุมัติหมายจับได้ตั้งแต่เมื่อวาน เพราะศาลเชื่อในพยานหลักฐาน ส่วนการสอบปากคำพยานและผู้ต้องสงสัย ทั้งหมดให้ข้อมูลและรับสารภาพไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้มีการให้การตรงอยู่แล้วว่า กำนันนก เป็นคนสั่งการ วันนี้มันปิดบังกันไม่ได้ในโลกปัจจุบัน ถ้าใครทำอะไร ไม่ตรงไปตรงมา ไม่สุดทาง มันก็ไปกันไม่รอด ขณะที่กำนันนกยังให้การภาคเสธว่าตนเองไม่ได้ให้นายหน่อง ยิงสารวัตรแบงค์ แต่นายหน่องเป็นคนยิงจริง พร้อมย้ำว่าคดีนี้ กำนันนก ดิ้นไม่หลุดแน่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก, เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก
วันที่ 10 กันยายน 2566 เพจเฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก รายงานความคืบหน้าคดียิงตำรวจที่บ้านกำนันนก ซึ่งพบว่าผู้คุมเรือนจำได้เป็นคนนำเอาเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุไปโยนทิ้งน้ำว่า เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ขึ้นมาได้แล้ว และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจกำลังเข้าสู่กระบวนการเชิงเทคนิคของวิศวกรคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจเก็บลายนิ้วมือก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจะถอดข้อมูลจากในระบบ ส่วนสาเหตุที่ต้องนำเซิร์ฟเวอร์แช่น้ำ เพราะอุปกรณ์ถูกโยนทิ้งน้ำ ดังนั้นจึงใช้น้ำในพื้นที่เกิดเหตุเป็นการรักษาสภาพเพื่อไม่ให้ความเป็นกรดมีผลต่ออุปกรณ์ภายใน
ขณะที่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา รายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงคดีกำนันนกว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องการปราบปรามมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ให้ประชาชนมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งตำรวจเองจะต้องไม่เป็นไม้ค้ำยันของผู้มีอิทธิพลเหล่านั้น ส่วนความคืบหน้าของคดีกำนันนก นายกรัฐมนตรีมีความกังวลและห่วงใย โดยให้แนวทางในการขยายผลให้ถึงที่สุดจนถึงตัวสุดท้าย นอกจากนี้ยังให้ตรวจสอบเรื่องการทุจริตต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น การฮั้วประมูล การได้งานมา ก็จะต้องไปดูให้หมดว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง
ส่วนหลังจากนี้จะมีการออกออกหมายเรียกหรือหมายจับตำรวจ รวมไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวอีกหรือไม่นั้น วันนี้กำลังสอบขยายผลเพิ่มเติมอยู่ ซึ่งหากผลการสอบสวนออกมา เชื่อมโยงกับใครและใครเป็นผู้กระทำความผิด ก็จะออกหมายเรียกและหมายจับต่อไป
ขณะที่เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่พบนั้นต้องใช้เวลา 3-4 วัน ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ที่เปียกน้ำ ตอนนี้แห้งแล้ว สามารถกู้ข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ต้องกังวล เหตุการณ์นี้จะต้องมีตำรวจรับผิดชอบอย่างแน่นอน ซึ่งในหลักของกฎหมาย หากพบว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การไม่รักษาที่เกิดเหตุ และการทำลายวัตถุพยานจะต้องดำเนินคดี
โดยในตำรวจจะมี 2-3 กลุ่ม กลุ่มแรกเกิดเหตุวิ่งหนีเลย ไม่ทำอะไรเลย อันนี้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ได้ออกหมายจับบางส่วน กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มร่วมทำลายพยานหลักฐานและพากำนันนกหนี ส่วนกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่พาสารวัตรแบงค์ คนบาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา เดี๋ยวความชัดเจนต่าง ๆ จะมีเพิ่มขึ้นมากทุกวัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีการสอบสวนกันตลอดทั้งวัน หากไล่เส้นทางการเงิน ตรวจสอบภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดต่าง ๆ ก็จะเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ถึงจะสมบูรณ์
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนยอมรับว่าในตอนแรก ตำรวจเขาโกหกหมด ตนก็ย้ำว่า โกหกก็โกหกไป ไม่เป็นไร แต่เรามีการสอบสวน มีการสืบสวน มีข้อมูลที่ชัดเจนอยู่แล้ว จึงสามารถทำให้ศาลอนุมัติหมายจับได้ตั้งแต่เมื่อวาน เพราะศาลเชื่อในพยานหลักฐาน ส่วนการสอบปากคำพยานและผู้ต้องสงสัย ทั้งหมดให้ข้อมูลและรับสารภาพไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้มีการให้การตรงอยู่แล้วว่า กำนันนก เป็นคนสั่งการ วันนี้มันปิดบังกันไม่ได้ในโลกปัจจุบัน ถ้าใครทำอะไร ไม่ตรงไปตรงมา ไม่สุดทาง มันก็ไปกันไม่รอด ขณะที่กำนันนกยังให้การภาคเสธว่าตนเองไม่ได้ให้นายหน่อง ยิงสารวัตรแบงค์ แต่นายหน่องเป็นคนยิงจริง พร้อมย้ำว่าคดีนี้ กำนันนก ดิ้นไม่หลุดแน่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก, เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว